Thursday, July 30, 2009

ฎีกาฯ ล้านเสียงที่แสดงความศรัทธา ต่อ พระมหากรุณาธิคุณ

ฎีกาฯ ล้านเสียงที่แสดงความศรัทธา ต่อ พระมหากรุณาธิคุณ

ความศรัทธา ความจงรักภักดี ที่เปี่ยมล้นออกมาจากจิตใจ ของพสกนิกรชาวไทยนั้น ส่งตรงไปยังศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ


ไม่เข้าใจว่า รัฐบาล กับ พันธมิตร และ ลิ่วล้อ อำมาตย์ ทั้งหลาย จะกระวนกระวายใจไปด้วยเหตุใด

ไม่เข้าใจว่า อำมาตยา อภิสิทธิ์ชน จะมาคอยขัดขวาง การแสดง ความศรัทธา ต่อพระเจ้าแผ่นดิน ไปเพื่ออะไร

ไม่เข้าใจว่า การแสดง ความศรัทธา ความจงรักภักดี นั้น ถูกจำกัด แบ่งแยก ให้สิทธิไม่เท่าเทียมกัน หรืออย่างไร


วันนี้ ภาพที่ผ่านสื่อออกมาสู่สาธารณะชน คือภาพที่ ผู้มีอำนาจ ลิ่วล้ออำมาตย์ และ พันธมิตร เดินเกมขัดขวางการแสดงความศรัทธา ของพี่น้องประชาชนที่จะถวายแก่พระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งมันไม่ได้เป็นเหตุบังเอิญหรือ บุพเพ อาระวาด แต่อย่างใด มันเป็น ภาพของกลุ่มผู้มีอำนาจ เหล่าอำมาตย์ พันธมิตร ที่จะคอยยึดครอง ความจงรักภักดีไว้แต่เพียงฝ่ายเดียว เพื่อความได้เปรียบทางการเมือง

หากเราพิจารณา แบบพื้นๆผ่านสื่อสาธารณะ หรือ สื่อทั่วไป เราไม่จำเป็นต้องมีการศึกษามาก ก็จะเข้าใจได้ง่ายๆว่า พฤติกรรมของเหล่าบรรดา ลิ่วล้ออำมาตย์ นั้น ใช้สถาบันเบื้องสูงเป็นเครื่องมือในการทำลายศัตรูทางการเมืองตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นการใส่ร้ายด้วย ข้อหา หมิ่น, จาบจ้วง, ไม่หวังดี จนไปถึงข้อหาร้ายแรง เช่น ล้มล้างสถาบัน ก็ไม่เคยมีความละอายเกิดขึ้นในใจ ของบรรดา ลิ่วล้อ อำมาตย์ ทรราช พันธมิตรเลยแม้แต่นิดเดียว และ ยังคงมีการใช้กันมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้

การที่พี่น้องประชาชนชาวไทย ไม่กี่(ล้าน)คน ร่วมใจกันแสดงความศรัทธา ที่มีต่อพระเจ้าแผ่นดินนั้น ถูกขัดขวางในทุกๆระดับ จากผู้มีอำนาจ จากปีศาจการเมืองป้ายสี มองในแง่หนึ่ง อาจจะเป็นเรื่องที่ดี คือ อะไรที่ได้มายากๆมักจะมีค่าเสมอ เช่น เมื่อมีการขัดขวาง พี่น้องประชาชนในทุกรูปแบบแล้ว แต่ พี่น้องยังสามารถทำสำเร็จได้ คุณค่า ของการกระทำนั้น มีค่ากว่า เงินทองใดๆ ซึ่ง นอกจากพี่น้อง จะได้แสดงความศรัทธาแล้ว ก็ยังเกิดความสามัคคี อีกด้วย

รัฐบาล วุฒิสภาฯ อำมาตย์ ใช้ทุนมหาศาล ในการสร้างศรัทธาต่อสถาบัน แต่พี่น้องคนเสื้อแดงนั้น ไม่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลจากภาครัฐ เพื่อมารณรงค์ ให้เกิดความศรัทธาที่มีต่อสถาบัน คนเสื้อแดงเพียง สามัคคี รวมตัวกันเพื่อแสดงให้เห็นว่า อย่างน้อย หนึ่งล้านเสียง หรืออาจจะมากกว่านั้น แสดงให้สังคมไทยเห็นได้ว่า ความเชื่อ ความศรัทธา และ ความจงรักภักดี อันแรงกล้า ที่มีต่อสถาบันเบื้องสูงนั้น มั่นคง โดยไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆมาสร้างภาพ

การถวายฎีกาฯ ล้านเสียง เป็นการตอกย้ำ เน้นถึง ความศรัทธา ความรัก และ ความเชื่อมั่นที่มีต่อสถาบัน ที่ประชาชนคนเสื้อแดง อย่างน้อย หนึ่งล้านคนพึงมี พึงกระทำ

การถวายฎีกาฯ ล้านเสียง เป็นการตอกย้ำ ว่า คำครหา กล่าวร้าย ป้ายสี ว่า พี่น้องคนเสื้อแดงนั้นไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินนั้น เป็นเพียงเรื่องโกหก ที่ศัตรูทางการเมืองนั้น ยัดเยียด มาให้


และสิ่งที่คนเสื้อแดงจะ ภูมิใจ มากกว่า การแสดงความศรัทธา โดยการถวาย ฎีกาฯ คือการแสดงความเคารพ ในพระปรมาภิไธย คือไม่ว่าผลของ การถวายฎีกาฯ จะออกมาเป็นเช่นไร หนึ่งล้านเสียงก็จะแสดงความเคารพผลการตัดสินใจนั้น เพราะหลังจากการถวายฎีกาฯ ก็ ถือว่า เราได้แสดงจุดยืนที่มีต่อสถาบัน ให้สังคมได้เห็นแล้ว เราก็กลับไปทำงานตรวจสอบรัฐบาลต่อไป

นี่จะเป็นความแตกต่าง และเป็นบรรทัดฐานของสังคมต่อไป

ความเชื่อ ความศรัทธา ที่มั่นคง ที่เรามีต่อพระเจ้าแผ่นดิน หรือ อย่างน้อย หนึ่งล้านรายชื่อ ที่ร่วมถวายนั้น การถวายฎีกาฯ ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการ ขอพระราชทานความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว แต่

การถวายฎีกาฯ ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ จะเป็น

การแสดงความศรัทธา ต่อ พระมหากรุณาธิคุณ ของพระเจ้าแผ่นดิน อย่างแท้จริง

Wednesday, July 29, 2009

รัฐบาลเตรียมสร้างความขัดแย้ง ด้วย วิชามาร อีกครั้ง

รัฐบาลเตรียมสร้างความขัดแย้ง ด้วย วิชามาร อีกครั้ง

หลังจากที่ รัฐบวย มีความพยายาม ดึงฟ้าต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อ เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา ที่มีความพยายามปั่นกระแส ดึงสถาบันลงมาทำลายศัตรูทางการเมืองแต่ไม่ได้ผล ซึ่ง เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา มีการพยายามใสข่าว เล่นข่าวเรื่อง การทำบุญ ทั่วประเทศ ที่คนเสื้อแดงจัดให้คุณทักษิณแล้วพยายาม ดึง งานถวายพระพร เจ้าฟ้านักบิน มาใส่ร้ายคนเสื้อแดงว่า ตีตนเสมอท่าน ซึ่งไม่เป็นความจริง ความจริงก็คือ รัฐบวย มีความพยายามที่จะ เร่งโหม ประชาสัมพันธ์ งานถวายพระพรเจ้าฟ้านักบินเพื่อให้ พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า คนเสื้อแดงตีตนเสมอท่าน

พอมาถึงวันนี้ สดๆร้อนๆ คือ คนเสื้อแดงจะมีการจัดการชุมนุมเพื่อรวบรวม ฏีกาฯ ในวันที่ 7 หรือ 8 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ และ แกนนำเอง ก็แสดงความชัดเจนว่า แค่มารวบรวม ฏีกาฯ พอถวายเสร็จแล้ว ก็ กลับ แถมยังยืนยัน ว่า จะไม่มีกระบวนการกดดันใดๆต่อ สำนักพระราชวัง และ คนเสื้อแดงจะไม่กระทำการใดๆ ให้เป็นที่ระคายเคือง เหมือนกับที่ พันธมิตร พันธมาร ได้เคยกระทำความเลวทรามเอาไว้ ทั้งถวายฏีกาฯ ครั้งแรก แล้ว ขึ้นเวทีกดดัน ทั้งถวายฏีกาฯ ครั้งที่สองเป็นการเร่งกดดันเพิ่มเติม พี่น้องเห็นแล้วว่า การถวายฏีกาฯ ของคนเสื้อแดง กับ พันธมาร แตกต่างกันโดยวิธีการอย่างสิ้นเชิง เหมือน คนดี กับ คนชั่วก็ไม่ปาน

รัฐบวย เองก็ปฏิบัติตนสองมาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ ทำการขัดขวางการถวายฏีกาฯ อย่างขยันขันแข็ง ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า ประชาชนสามารถกระทำได้ ก็ยังจะขัดขวาง

คราวนี้ วิชามาร ที่ รัฐบวย กำลังจะ ดึงฟ้าต่ำอีกครั้งคือ การพยายามดึง เรื่องงานถวายพระพร หรือ งานวันแม่แห่งชาติ ในวันที่ 12 สิงหาคม นี้ มาทำลาย ความเคลื่อนไหวของประชาชน โดยจงใจจะใส่ร้าย ตั้งธงตั้งแต่ต้นว่า ถ้าคนเสื้อแดงมาชุมนุมกัน ก็ จะใส่ร้ายทันทีว่า ไม่จงรักภักดี หรือ ขัดขวางงานถวายพระพร หรือ กล่าวหาให้ร้าย อื่นๆ ตามความถนัดของรัฐบาล ที่มีความยอดเยี่ยมในเรื่องการให้ร้ายผู้อื่นอยู่แล้ว

กทม. ประกาศ ไม่อนุญาติ ให้คนเสื้อแดง ใช้ สนามหลวง ในการชุมนุมกันโดยอ้างว่า จะใช้สถานที่จัดงานวันแม่แห่งชาตินั้น จริงๆแล้ว เป็นงาน วันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งถ้า กทม. ให้คนเสื้อแดงใช้สถานที่ในวันที่ 7 สิงหา พอวันที่ 8 สิงหา กทม. ก็ สามารถที่จะเข้ามาจัดสถานที่ได้ คือจะมีเวลาจัดสถานที่ล่วงหน้าก่อนวันที่ 12 สิงหา ถึง 4 วันเต็มๆ ถ้ายังไม่นับรวม ช่วงเช้าของวันที่ 12 สิงหา ซึ่งปกติ ทาง กทม. ก็ ใช้เวลาช่วงนั้น เก็บรายละเอียดของงานอยู่แล้ว

อีกทั้ง รัฐบวย และ กทม. ยังไม่ได้แสดงความ จริงใจ ต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งถ้า กทม. หรือ รัฐบวย มีความจำเป็นจริงๆที่จะต้องใช้เวลา เตรียมสถานที่มากกว่า 4 วันครึ่ง กทม. เองควรจะแนะนำลงมา ว่า มีสถานที่ใด ที่คนเสื้อแดงควรจะใช้ แทนที่ สนามหลวง ไม่ว่าจะเป็นที่ หน้าทำเนียบ หรือ ที่ ศาลาคนเมือง เป็นต้น

นอกจากขัดขวางแล้ว ก็ ยังใส่ร้ายป้ายสี และ แสดงท่าทีที่จะดึง เบื้องสูงลงมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในขณะที่ พรรคพวกของตัวเอง เคยปิดถนนพระราชดำเนิน เคยบอกในเชิงบังคับให้ ราชองครักษ์ เปลี่ยนเส้นทางเสด็จ ทำไม รัฐบวย ในตอนนั้นไม่เคยพูดอะไรซักคำ แถมยัง ส่ง สส. ลิ่วล้อ ลงพื้นที่ร่วมชุมนุม ปิดถนนราชดำเนิน อีก

วันนี้ หากพี่น้องฟังข่าว ก็จะทราบว่า รัฐบวย ผ่าน เนรวิน ผ่าน รมต. มหาดไทย และ กระจง หลงทาง มีความพยายามคัดค้านการถวายฏีกาฯ อย่างหนัก คาดว่า จะเอา งบหลวง พิมพ์ สติกเกอร์ ต่อต้านการถวายฏีกาฯ ของคนเสื้อแดง มาแจกจ่ายทั่วไป โดยจะมีโฆษณาแฝง ให้คนนึกถึงพรรคภูมิใจไทย อยู่ใน สติกเกอร์ ทั้ง 65 ล้านใบนั้นด้วย คือ พ่อมดเขมร กะ ยิงปืนนัดเดียวได้ นกสามตัว คือ ได้ทั้งขัดขวางตวามเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ยังคงเติบโตขึ้น ได้ทั้งโฆษนาแฝงใน สติกเกอร์เหล่านั้น และ ได้ประหยัดสตางค์เพราะว่า เป็นเงินภาษีประชาชน

มหาดไทย ยังไปเกณฑ์ เอา กำนันผู้ใหญ่บ้านจำนวนมากมาร่วมงานแจก สติกเกอร์ คราวนี้ด้วย คราวนี้ เนรวิน ใช้งบหลวง ใช้อำนาจรัฐ ใช้ทุกวิถีทางที่จะให้ตนเองและพวกพ้องอยู่รอด

นักวิชาเกิน ลิ่วล้ออำมาตย์ ก็ ออกมาแสดง จุดยืน แบบกลืนน้ำลายตัวเองรายวัน อย่างสม่ำเสมอ

ภาพมันเห็นชัดแล้วว่า รัฐบวย มีพฤติกรรมดึงฟ้าต่ำ พยายามดึงเบื้องสูงลงมาเป็นเครื่องมือในการทำลายศัตรูทางการเมือง

นี่แหละ วิชามาร

รัฐบาล พันธมาร อำมาตย์ เตรียมพร้อมสร้างความขัดแย้งในประเทศชาติอีกครั้ง

Monday, July 27, 2009

สุขสันต์วันเกิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 26/07/2009

สุขสันต์วันเกิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 26/07/2009

วันนี้ หารใครไม่ทราบเรื่อง วันเกิดอายุครบ 60 ปี ของคุณทักษิณ และ งาน แซยิด ทำบุญ ของคนเสื้อแดงทั่วประเทศคงจะ เรียกได้ว่า เชยระเบิด

อยากจะย้อนเวลา ให้ท่านผ่านได้ฟังความหลัง ครั้งที่ นีโอ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ตอนนั้น นีโอกลับ มาจาก นิวยอร์ค ใหม่ๆ ประมาณ ปี 2000 หรือ ประมาณ พ.ศ. 2544 นีโอ ไปเดินเล่นอยู่ที่ เซนทรัลลาดพร้าว ตามประสาเด็กบ้านนอก ที่ไม่ค่อยได้ไปเดินห้างใน กทม. ซักเท่าไหร่

ที่ชั้นหนึ่งของห้าง นีโอ จำได้ว่าได้ยินเสียง เอะอะ จากคนจำนวนหนึ่งกำลัง ไทยมุงกันอยู่ นีโอ จึงไปมุงกลับเขาด้วย ปรากฏว่า พี่น้องประชาชนกำลังล้อมกรอบ คุณ ทักษิณ กันอยู่ พี่ป้าน้าอา เหล่านั้น รุมกันเข้าไปจะให้ นายก ทักษิณ เซ็นชื่อ ลงบนธนบัตร แบงค์พัน แบงค์ห้าร้อย

คงจะคิดว่า ได้ลายเซ็น คุณทักษิณ ไปแล้วจะร่ำรวย ประสบความสำเร็จเหมือนเจ้าตัว แต่ นีโอ ไม่มีเงินสด ที่จะให้ คุณ ทักษิณ เซ็นเหมือนคนอื่น จึงใช้ สมุดไดอะรี่ ที่ นีโอ พกติดตัวเป็นประจำให้ ท่านเซ็นแทน ระหว่างที่กำลังเซ็น ไหนๆ ก็ ไหนๆแล้ว นีโอ ขอลอง ภูมิ นายกฯ ซักทีเหอะวะ เลยยิงคำถามไปเป็นภาษาอังกฤษ

นีโอ: How would you funding all these mega projects?
(นายกฯ มองหน้านีโอ ก่อนจะตอบ คงประมาณว่า ไอ้นี่มันนักข่าว รึ ปล่าว และ ด้วยความที่ คนรอคิวกันเยอะ ส่วน การ์ด เริ่มตะหงิดๆ ว่า ไอ้นี่มันนักข่าวหรือปล่าว คุณ ทักษิณ ตอบ)
ทักษิณ: We got the source, don’t worry.

จากนั้น คุณ ทักษิณ ก็ ยื่นมือมา เช็คแฮนด์ กับ นีโอ เหล่าบรรดา ป้าๆ แม่ยก ก็ กรูกันเข้ามาขอลายเซ็นต่อ

อันนี้ ก็ เป็นอีกหนึ่งความประทับใจ ที่ หลังจากนั้น ไม่นาน เราใช้หนี้ ไอเอ็มเอฟ เปิดใช้งานสถานีสุวรรณภูมิ และ อื่นๆ จึงเอาเรื่องนี้ มาเล่า ให้ พี่น้องฟังว่านั่น เป็นครั้งแรก ที่ นีโอ พบ กับคุณทักษิณ

สุดท้ายนี้ ขออวยพร ให้ คุณทักษิณ จงมีความสุขความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืน ให้มีกำลังวังชา กลับมารับใช้พี่น้องประชาชนคนไทย เร็วๆ ด้วยครับ

Saturday, July 25, 2009

วิชามาร ดึงฟ้าต่ำ ของ พันทะมวย กับ รัฐบวย อีกแล้วครับท่าน

วิชามาร ดึงฟ้าต่ำ ของ พันทะมวย กับ รัฐบวย อีกแล้วครับท่าน

วันนี้ ไม่อยากจะ สุภาพ เหมือนทุกวันแล้ว ทั้งๆที่ทราบดี ว่า ก็ แค่ หมาเห่า แต่ นีโอ ต้องเป็นกำลังใจให้พี่น้อง เสื้อแดง สู้ กันต่อไป


เหตุมันเกิดขึ้นเมื่อ อันทะมวย กะ รัฐบวย รู้สึกอิจฉา ที่พี่น้องประชาชนจำนวนมาก ร่วมรายชื่อถวาย ฏีกาฯ ขอ อภัยโทษให้คุณทักษิณ อีกทั้งประชาชนจำนวนมาก ยังร่วมใจกัน จัดงานวันเกิดให้อีก

อำมาตย์ล้าหลัง อกจะระเบิด เส้นเลือดเต้นตุบตับ เดือดร้อนไปถึง อันทะมวย กับ รัฐบวย ที่ต้องออกมาหาทาง รักษาฐานมวลชนของตนเอง ที่น้อยลงทุกวัน ในขณะที่ พี่น้องคนเสื้อแดงมากขึ้นทุกวัน ทั้งที่รัก และ ไม่รัก ทักษิณ

นีโอ จะไม่พูดว่า ทัหษิณ ดียังไงทำไม คนเค้า ถึงชอบ ทำไมเค้าชื่นชม แต่ นีโอ จะขอกล่าวถึง วิชามาร ที่ พันทะมวย และ รัฐบวย ลิ่วล้อ อำมาตย์ นำออกมาใช้

จริงๆแล้ว ก็ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมันเป็น อะไร ที่ กลายเป็น สันดาน ของ อันทะมวย กับ รัฐบวยไปซะแล้ว แล้วเรื่องนี้ ที่ อันทะมวย กับ รัฐบวย พยายาม ออกมาสร้างกระแส นั้น มันมีที่มาจาก ความอิจฉา ความคับแค้นใจ และความไร้วิสัยทัศน์ ของ อันทะมวย กับ รัฐบวย

เมื่อ พันทะมวย กับ รัฐบวย เห็นว่า พี่น้องประชาชน ลงชื่อ ถวายฎีกาฯ เป็นจำนวนมาก และ ยังมีอีกจำนวนมาก อย่างมีนัยยะที่จะ สั่นสะเทือน ความมั่นคงของ รัฐบวย และ เป็นการขัดขวางการ ขยายพื้นที่มวลชน ของ พันทะมวย จึงได้มีการ ดึง เบื้องสูง ลงมาเพื่อทำลายศัตรูทางการเมืองอีกครั้ง

พันทะมวย กับ รัฐบวย กำลัง เริ่มทำชั่วอีกครั้ง ต้องขอย้ำนะครับว่าอีกครั้ง เพราะมันมีพฤติกรรมแบบนี้ หลายครั้งแล้ว คราวนี้

พันทะมวย กับ รัฐบวย พยายาม กล่าวหา ทักษิณ อีกครั้งว่า ไม่มีสามัญชนคนใดกล้าจัดงานวันเกิดใหญ่ๆ ขนาดนี้ทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีการเล่นเรื่อง งานทำบุญของทักษิณ ไปตรงกับ วันที่ นายก มาร์ค มุกควาย จัดรายการ เจ้าฟ้านักบิน แล้ว พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ก็คงมีการจัดงานถวายพระพรกัน

ถ้า พันทะมวย กับ รัฐบวย ไม่ พยายาม ดึงเบื้องสูง ดึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ลงมาทำลายศัตรูทางการเมืองแล้ว รัฐบวย กับ พันทะมวย ก็ไม่มีหนทางใด แล้ว ที่ รัฐบวย กับ พันทะมวย จะสามารถรักษาฐาน มวลชน ที่มีอยู่น้อยนิดไว้ได้

ความพยายามนี้ เป็นการกระทำ ที่ บังอาจ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เป็นพฤติกรรมต่อเนื่องเหมือนตั้งใจ จะดึง สถาบัน ลงมาเป็นเครื่องมือ อยู่ร่ำไป

นีโอ ไม่ได้แก้ตัวแทนใคร แต่ อยากจะให้ พี่น้องสบายใจว่า

การถวายฎีกาฯ คือ การแสดงความศรัทธรา ต่อ พระมหากรุณาธิคุณ

ส่วนงานทำบุญ ก็ คือการทำบุญ ย่อมได้ผลบุญ สู่ตน และ คนไทยทั้งชาติ ไม่มีการทำบุญใด ที่จะกลายเป็นการ ตีเสมอ สถาบันไปได้

รัฐบวย จัดงานให้ ใหญ่โต แล้ว พันทะมวย ช่วยตีข่าว เชิงใส่ร้าย ศัตรู ทางการเมืองแบบนี้ มันเป็นกระบวนการ และ ขบวนการ

อยากให้พี่น้อง รู้เช่นเห็นชาติ กันไปเลยว่า

ไอ้คนสองกลุ่มนี้แหละ ที่ไม่หวังดีต่อ สถาบัน

Friday, July 24, 2009

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คือ แสงนำทางของหัวรถจักร

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คือ แสงนำทางของหัวรถจักร

เมื่อวาน พี่มาร์ค ไปแสดงวิสัยทัศน์ ในงานสัมนา "วิกฤตประเทศไทย แสงสว่างปลายอุโมงค์ ของจริงหรือสิ่งลวงตา" ซึ่งฟังไปแล้วก็งั้นๆ สร้างภาพเหมือนเดิม และ ไม่ได้โชว์ วิสัยทัศน์ ของผู้นำแต่ประการใด เพราะทั้งมาร์ค ทั้ง นีโอ เห็นตรงกันว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ มันอาจจะเป็นทางตัน แต่แตกต่างกันที่มุมมอง

ทางออกของวิกฤตที่ปลายอุโมงค์ มันเป็น แค่ โคมไฟ ที่ห้อยไว้ลึกสุดที่ปลายอุโมงค์ ซึ่งขุดต่อไปไม่ได้ แต่มุมมองของ พี่มาร์ค ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะ แสงนั้นมันเป็นแสงไฟนำทางของหัวรถจักร ที่อาจพุ่งเข้าชน ได้

คนไทยทุกคน ต้องการหาทางออกให้แก่ประเทศชาติ ทั้งนั้น เพียงแต่ว่า เราต้องถกเถียงกันว่า หนทางใด ที่เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมมากที่สุด หรือ มีผลกระทบในทางลบ ต่อพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด

เส้นทางที่ พี่ มาร์ค เลือก นั้นมันมีหลักฐานว่า จะนำพาประเทศชาติไปสู่ทางตันมากกว่าทางออก แต่ด้วยความเป็นนักการเมือง พี่มาร์คอาจจะต้องยอมเสียเปรียบบ้างเพื่อให้ประเทศชาติรอดไปได้ ไม่ใช่แค่ พยายามยื้ออำนาจเอาไว้กับตนเอง และ พรรคพวก ให้นานที่สุด

นักวิชาการ ที่ถูก พันธมิตร ล้อเลียน ว่า กลางกลวง หรือ ถูกบังคับให้เลือกข้าง ส่วนใหญ่เห็นตรงกันใน 4 ประเด็นหลักๆ เพียงแต่ว่า จะอธิบายออกมาในรูปแบบไหน เท่านั้น

1.ถ้าไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์-ปรองดอง”ขึ้นในชาติโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับรากหญ้า ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา ภาษาใด หรือภูมิภาคใด และในเวลาเดียวกัน ถ้าเราไม่สามารถทำให้บรรดาคนชั้นสูง ชั้นกลาง ที่กุมอำนาจรัฐหรือรัฐบาลสามารถ”เกี๊ยะเซี๊ยะ” ประนีประนอมผลประโยชน์กันได้
2.ถ้าไม่สามารถปฏิรูปรัฐธรรมนูญหรือเขียนขึ้นมาใหม่ให้เป็นของ”สยาม”(ไม่ ใช่”ไทย”)และให้มีเนื้อหาสาระที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยไม่หมกเม็ด ไม่รับใช้หรือซ่อนเร้น ไว้เพื่อประโยชน์ของ "กลุ่มคน" หรือ "หมู่คณะ"
3.ถ้าไม่สามารถทำให้ "สถาบันกษัตริย์" เป็นสถาบันสูงสุด เป็นสถาบันกลางสำหรับการเคารพบูชาโดยประชามหาชนโดยรวม และไม่ถูกนำไปใช้ "อ้าง" และ "อิง" เพื่อประโยชน์ของ "กลุ่มคน" หรือ "หมู่คณะ"
4.ถ้าไม่สามารถทำให้”สถาบันทหาร-พลเรือน-ตุลาการ”เป็นสถาบันของการบริหาร การดำเนิน ที่ปราศจากการเข้าแทรกแซงในทางการเมือง มีความคิดที่เป็นประชาธิปไตย และมีหน้าที่ต่างๆนานาในการป้องกัน พัฒนาประเทศ และดำรงไว้ซึ่งหลักของกฏหมาย และความยุติธรรม

สรุปง่ายๆ ย่อๆ ลงมาคือ เราเชื่อหรือไม่ว่า ต้องแก้ปัญหาที่ 4 ประเด็นหลักๆ คือ

1. คนมีอำนาจ กลุ่มที่นำสังคม ทั้งชนชั้นกลาง และ ชั้นสูง ผลประโยชน์ไม่ลงตัว
2. รัฐธรรมนูญ ปัจจุบัน ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือ เป็นประชาธิปไตย ที่ กดขี่ คนบางส่วนของสังคม
3. มีการ “อ้าง” และ “อิง” สถาบันสูงสุดเพื่อ ประโยชน์ ของบางกลุ่ม บางคณะ
4. ยังคงมีการแทรกแทรง "สถาบันทหาร-พลเรือน-ตุลาการ" อยู่ในปัจจุบัน

การที่ คณะกรรมการสมานฉันท์ ได้สรุป วิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น โดยการเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญแบบ เร่งด่วน 6 มาตรา ซึ่งเชื่อว่า น่าจะช่วยให้เราหันกลับ และ มุ่งหน้าไปยังทางออกที่แท้จริง แต่ได้รับการต่อต้านจากกลุ่ม 40 สว. และ พันธมิตร รวมไปถึงการถ่วงเวลาโดยรัฐบาล เราลองมาดูกันว่า 6 มาตราที่ กรรมการสมานฉันท์ เสนอให้แก้นั้นประกอบไปด้วยข้อใดบ้าง

1. มาตรา 237 ยกเลิกการยุบพรรคและการเพิกถอนสิทธิ หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค โดยให้เพิกถอนสิทธิเฉพาะตัวผู้สมัคร ส.ส. ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
2. มาตรา 93-98 เรื่องที่มาของ ส.ส. ให้กลับไปใช้ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 คือใช้ระบบแบ่งเขต เขตละคน และระบบบัญชีรายชื่อ ตามที่ประชาชนคุ้นเคย
3. มาตรา 111-121 เรื่องที่มาของ ส.ว. ให้ใช้ตามรัฐ-ธรรมนูญปี 2540 คือให้มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
4. มาตรา 190 การทำหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ให้กำหนดประเภทหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
5. มาตรา 265 ให้ ส.ส.ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ อาทิ เป็นเลขานุการหรือที่ปรึกษารัฐมนตรีได้
6. มาตรา 266 การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนของ ส.ส.และ ส.ว. ให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาของประชาชนผ่านส่วนราชการได้

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เร่งด่วน 6 ประเด็นนี้ จะลดความขัดแย้ง ของสังคมลงทันที ทั้งในข้อ 1 และ ข้อ 2 คือ ตัวแทนของประชาชน ที่ประชาชนต้องการ จะได้มีโอกาส กลับ มาต่อรองผลประโยชน์ เพื่อประชาชน และ จะเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อ นำไปสู่การแก้ไข รัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตย ที่ไร้การกดขี่ กันเองในสังคมไทย

เริ่มต้นด้วยการแก้ไข รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นนี้ ตามมาด้วยการ รณรงค์ให้ เลิก อ้าง อิง สถาบันเบื้องสูง ทางการเมืองในทุกรูปแบบ จากนั้นจึงค่อยๆ ปฏิรูป สถาบันการเมือง-ทหาร-ตุลาการ ไปพร้อมๆกัน จึงจะเป็นทางออก ของวิกฤตการเมืองในประเทศไทยอย่างแท้จริง


อ้างอิง
"มาร์ค"เผยโดนทหารติงพรรคพวกจ้องเล่นงาน"แม้ว" ปัดแค้นใครแต่ต้องหยุดคนเหนือกม.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248361494&grpid=02&catid=01

"ชาญวิทย์" แนะ4ประการทำไม่ได้ ยากหลีกเลี่ยง "กาลียุค"
http://special.bangkokbiznews.com/detail.php?id=7124&username=politic

ฝ่าวิกฤตการเมืองไทย
http://www.kriengsak.com/index.php?components=content&id_content_category_main=23&id_content_topic_main=51&id_content_management_main=1974

ดร.อมร เสนอทางออกวิกฤตการเมืองไทยต้องปลดปลาย่างที่แขวนล่อแมวหรืออำนาจผูกขาดทางการเมืองออกเสียก่อน
http://www.raja.co.th/show.php?id=89

อภิสิทธิ์เชื่อเศรษฐกิจไทยเป็นบวกในสามปีข้างหน้า
http://www.komchadluek.net/detail/20090723/21611/%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2.html

ธเนศวร์ เจริญเมือง : วิกฤตการเมืองไทย พ.ศ. 2549-2552 ผลพวงของระบอบรัฐในอดีต
http://www.prachatai.com/journal/2009/05/23903

Thursday, July 23, 2009

เมื่อ เอฟ ตอเรส พบกับ เอ็ม ตอแหล: ว่าด้วยเรื่อง ตอๆ

เมื่อ เอฟ ตอเรส พบกับ เอ็ม ตอแหล: ว่าด้วยเรื่อง ตอๆ

ถึงแม้ว่า เฟอนันโด ตอเรส (Fernando Torres) จะได้ลงเตะ กับทีมชาติไทยเพียงไม่กี่นาทีสุดท้ายในครึ่งหลัง เมื่อวานนี้ก็ตาม แต่ ก็ เป็นการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนบอล คือจะเล่นให้เต็มที่ พอได้เปลี่ยนตัวลงมา ก็ ลากเดี่ยวขึ้นไป มีจุดหมายจะยิงประตูทีมชาติไทย ถึงแม้ว่าจะไม่สำเร็จ เพราะ กองหลังทีมไทยนั้นหนาแน่น ก็ตาม ก็ ยังถือว่า ได้ทำเต็มที่ และ เรียกเสียงเชียร์จาก แฟนหงส์ ได้อย่างตื่นเต้น

ในขณะที่ มาร์ค ตอแหล (Mark Torlae) ได้เคยสัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน ในต่างกรรมต่างวาระ ก็ มิได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้ เริ่มตั้งแต่ สมัยเลือกตั้ง ที่เสนอนโยบาย 99 วันทำได้จริง ข้อที่ 5 มาร์คจะ ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทำให้ ราคาน้ำมันลดลงทันที 1-2 บาทต่อลิตร แต่หลังจากที่วิ่งล๊อบบี้ จนตนได้เป็น นายก ก็ กลับลำแบบไม่เหลือเยื่อใย ทันที โดยการใช้ สถานที่ของกระทรวงต่างประเทศ ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อ รัฐสถาฯ มีความตอนท้ายๆว่า จะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการ ตอแหล สองชั้น อย่างหน้าตาเฉย คือ ชั้นแรก บอกว่าจะยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุน ก็ไม่ยอมยกเลิก ตอแหลที่สองคือ จะใช้เงินกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แต่กลับเอา เงินน้ำมัน ไปตรึงราคาแก๊สหุงต้ม เป็นการ ตอแหล เรื่องที่สอง

ถ้าเราไม่นับเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา เช่นเรื่องที่ประกาศจุดยืน ว่า เอ็ม ตอแหล หรือ เอ็ม มอ เจ็ด เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ก็ ขัดแย้งกับ พฤติกรรมในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การสนับสนุนการถวายฏีกาฯ ขอพระราชทาน นายกรัฐมนตรี ตาทมาตราเจ็ด หรือว่าจะเป็นเรื่อง การ สั่งให้ลูกพรรคบอยคอต การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ทั้งสองประเด็น ก็ ตอแหลทั้งนั้น

ล่าสุด กำลังจะกลายเป็นเรื่อง ตอแหล เรื่องล่าสุด คือ หลังจากได้อำนาจรัฐ มาแล้ว เอ็ม ตอแหล ก็ ไปสัญญา ว่า จะให้จัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อความสมานฉันท์ และปฏิรูปการเมือง แล้วถ้า คณะกรรมการนำเสนอมาอย่างไรก็จะจัดการไปตามนั้น ทั้งนี้ คณะกรรมการ ได้นำเสนอแล้วว่า ควรแก้รัฐธรรมนูญ 6 มาตรา แต่ท่าทีของ เอ็ม ตอแหล ก็ยัง รีๆรอๆ ไม่ฟันธงให้เดินหน้ากระบวนการ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซักที อันนี้ นานวันเข้าจะกลายเป็น ตอแหล อีกเรื่องหนึ่ง

ทั้งนี้ เอ็ม ตอแหล ยังมีลูกน้อง ที่คอยช่วยให้ตน ตอแหล อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตอดำ ตอตะโก และ เหลือแต่ตอ ทั้งสาม ตอ ที่เป็นลูกน้อง ของ ตอแหล ก็ขยันหาเรื่องให้ประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็น ตอดำ ที่มีอำนาจดูแลความมั่นคง เอางบ สองร้อยล้านไปคุ้มครองภูเก็ต หรือจะเป็น ตอตะโก ที่ชอบออกมาสร้างข่าว ปั่นกระแส ตั้งแต่ แผนตากสิน2 ท้าคนนู้น ท้าคนนี้ เป็นเรื่องเป็นราว และ สุดท้าย คือ เหลือแต่ตอ ซึ่งดูแลงานต่างประเทศแบบไร้มารยาท ทำงานแบบกุ๊ยๆ เรื่อยมา

งานนี้ รู้สึก เสียดายจริงๆ ที่ ตอเรส ไม่ยอมเตะบอลพลาดไปโดน หน้า ตอแหล ให้รู้สำนึกว่า ควรจะทำสิ่งดีๆได้แล้ว อย่ามัวเอาแต่สร้างภาพ

งานนี้ ตอเรส ยังคงรักษาระดับความนิยม ที่แฟนบอลมีให้ ใน ขณะที่ตอแหล เสียคะแนนเพิ่มขึ้นทุกวัน

งานนี้ ถ้า ตอแหล มากๆ ความสงสาร ที่พี่น้องประชาชนมีให้ ก็ จะกลายเป็นความสมเพช ไปเท่านั้นเอง


อ้างอิง

วิปฝ่ายค้านเล็งทวงคำพูด"มาร์ค"เรื่องข้อเสนอแก้รธน.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248272458&grpid=03&catid=01

นายกฯร่วมชมไทยฟาดแข้งลิเวอร์พูล จับมือนักเตะหงส์แดง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248270435&grpid=02&catid=07

Wednesday, July 22, 2009

เมื่อ ไม่กล้าทำสิ่งดีๆ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อไป

เมื่อ ไม่กล้าทำสิ่งดีๆ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อไป

พี่ เตี้ย หนองเตย เพิ่งจะส่งรายงานสรุป ผลงานรัฐบาลในช่วง 6 เดือนแรก ให้พี่มาร์คดูเมื่อวานนี้ และคาดว่า จะแถลง อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 หรือ 3 สิงหาคมที่จะถึงนี้ สิ่งที่น่าสงสัยคือ ทำไมต้องรอไปอีก 10 กว่าวัน อาทิตย์นี้ ก็น่าจะแถลงได้แล้ว ไม่รู้จะรออะไร

รัฐบาล มีวิธีแก้ปัญหาแบบแปลกๆ ตั้งแต่ หลังการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา คือ อะไรๆก็ “หยุดราชการ” พอสลายการชุมนุมของประชาชนเสร็จ ก็ สั่งหยุดราชการ พอผ่านมาซักพัก เศรษฐกิจไม่ดี ก็ สั่งหยุดราชการ เพื่อให้คนไปเที่ยวจับจ่ายใช้สอย ล่าสุด ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ระบาดหนัก ก็ สั่งหยุดราชการ นีโอ คาดว่า หากรัฐบาลชุดนี้ยังคงทำงานอยู่ ประเทศเราจะได้มีวันหยุดราชการอีกเยอะ


นักวิชาการ นักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และ พรรคร่วมรัฐบาล ต่างก็แนะนำ สิ่งดีๆที่ควรปฏิบัติ แต่รัฐบาลก็ ไม่ใส่ใจ ที่จะพิจารณา เพียงแต่สร้างภาพผ่านสื่อว่า จะรับฟังทุกฝ่าย เป็นนายกของคนไทยทุกคน แต่รัฐบาลก็พร้อมรบกับทุกคนเช่นกัน

สาเหตุที่รัฐบาลไม่กล้าทำในสิ่งที่ดีๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง นีโอคาดว่าน่าจะเป็นเพราะ ความเขินอาย หรือ สามัญสำนึก ที่คนในรัฐบาลยังพอมีอยู่บ้าง (มั๊ยฮึ๊)

เช่น กองทุนหมู่บ้านที่จะเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจ ก็ เอาไปเปลี่ยนชื่อเป็น กองทุนพอเพียง ให้ ลบภาพของรัฐบาล เก่าออกให้ได้ วันนี้คนกรุงเทพฯ บอกว่า กองทุน ของรัฐบาลทักษิณ กับ กองทุนของรัฐบาลมาร์คต่างกันสิ้นเชิง คือ ของทักษิณ มาเป็นเงิน คนในชุมชนเลือกได้ว่าอะไรเหมาะกับตัวเอง แต่กองทุน มาร์ค สมัยนี้ มาเป็น ตู้หยอดน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ กับ พัดลมไอน้ำ เฮ้อ

ส่วน บัตรสามสิบบาท ก็ กำลังจะทำเป็น บัตรประชาชน แทน คือ พยายามลบภาพ โครงการที่รัฐบาลเก่าๆ ที่ทำสำเร็จออกไปให้ได้

ยังมีเรื่องที่ไปด่าเค้าเอาไว้เยอะ จน ตัวเองไม่กล้าทำเช่นเรื่องของการ โซนนิ่ง (Zoning) เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ ที่ มีการพิสูจน์กันออกมาแล้ว ว่า ระบบโซนนิ่ง ช่วยควบคุมความรุนแรงได้ดี พื้นที่ที่เป็น สีแดง ประชาชนในชุมชนก็เร่งช่วยเหลือรัฐบาล ให้ แก้ปัญหาในพื้นที่นั้นๆ ให้เป็นปกติ แต่รัฐบาลนี้ ไปด่าเขาเอาไว้เยอะ ไปด่าเขาว่าการทำโซนนิ่ง เพื่อจำกัดพื้นที่การก่อการร้ายเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ดังนั้นตัวเองจึงไม่กล้าทำ

แถมมันยังส่งผลมาถึง ลักษณะในการแก้ปัญหาอื่นๆอีกด้วย เช่น การจำกัดพื้นที่ ที่ ติดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งหากรัฐบาลจัดการทำโซนนิ่ง และ คอยเตือนประชาชนว่า ถ้าไปในพื้นที่เหล่านั้น ต้องสวมหน้ากากไปด้วย ก็จะช่วยให้การติดต่อของโรคร้ายคงที่ หรือ ลดลงไปได้ แต่รัฐบาลคงไม่กล้าใช้ระบบโซนนิ่งเพื่อ จัดการกับปัญหาต่างๆ เพราะมันจะเป็นการกลืนน้ำลาย โง่ๆ ที่ตนเองเคยถ่ม เอาไว้ ตอนนี้เลยต้องพยายามแก้ปัญหาไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ด้วยการ ลดปริมาณการให้สัมภาษณ์ แทน (จะบ้าตาย)

ส่วนเรื่อง ความช่วยเหลือ ที่จำเป็นต้องช่วย ไม่ว่าจะเป็น เอสเอ็มอี (SME) หรือ ธุรกิจในกลุ่มท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งนักวิชาการ นักธุรกิจ เค้าออกมาพูดแล้วพูดอีก พูด จนเหงือกแห้งแล้วก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ ไม่มีท่าทีว่า รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องเงินกู้ช่วยเหลือ หรือ เรื่องของค่าเงินบาทที่มีผลกระทบโดยตรง

ยังจำได้ชัดเจนว่า รัฐบาลนี้ เคยด่า เคยว่า รัฐบาลทักษิณว่า มีอำนาจมากเกินไป มีจุดศูนย์กลางที่คน คนเดียว ไปด่าเค้าเอาไว้อย่างนั้น ไปหาว่า อะไรๆ ก็ ต้องให้ทักษิณมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พอมาวันนี้ ตนเองได้เป็นรัฐบาล ไม่มีอะไรเดินหน้า ไอ้ผลงานที่จะเอามาแถลงก็ไม่รู้ว่า มัผลงานอะไรจะมาแถลง พอรัฐมนตรีทะเลาะกัน ก็ ไม่ตัดสินใจ มีอะไร ก็ โยนให้ ข้าราชการประจำ ไปรับผิดชอบ ดังนั้น เรื่องรถเมล์ 4 พันคัน จึงยังไม่สรุป เรื่องหวยออนไลน์ก็ยังไม่สรุป เรื่องรับจำนำ หรือ ประกันราคา สินค้าเกษตร ก็ยังไม่สรุป เรื่องจะหารายได้เข้ารัฐโดยไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ก็ไม่สรุป สรุปว่า เรื่องอะไร กู ก็ ไม่สรุป ทั้งนั้น

เมื่อไม่สรุป อะไรซักอย่าง บ้านเมืองก็ไม่เดินหน้า ปัญหามันก็ คาราคาซัง แล้วจะมีรัฐบาลเอาไว้ทำซากอะไร ปล่อยให้ราชการประจำเค้าทำงานไปของเค้า บ้านเมืองมันน่าจะพัฒนาเร็วกว่านี้

เมื่อมีรัฐบาล ชุดนี้ ที่มีอำนาจล้นฟ้า เส้นสายล้นแผ่นดิน อภิสิทธิ์เหนือปวงประชา แต่หาผลงานไม่ได้ หางานได้แต่งานไม่เดิน งานที่เดินกลายเป็นหนี้สินของประชาชน


แล้วจะให้พวก ผม อดทน หา หอก อะไรครับ