Thursday, July 2, 2009

เพื่อประเทศชาติ รัฐบาลต้องออกไป

เพื่อประเทศชาติ รัฐบาลต้องออกไป

ความเห็นที่แตกต่างกันใน กลุ่มระหว่างแนวร่วมของคนเสื้อแดง แสดงให้สังคมได้เห็นว่า คนเสื้อแดงไม่ได้มี จุดศูนย์กลางอยู่ที่คนเพียงคนเดียว หรือ เพียงไม่กี่คน แต่คนเสื้อแดงนั้นเป็นอิสระจากการควบคุมใดๆ และ มีเอกสิทธิ มีสิทธิ และ เสรีภาพในการดำเนินการใดๆ ที่ไม่ผูกมัด แต่มีจุดยืนอยู่บนเป้าหมายพื้นฐานเดียวกัน ก็คือ การทวงคืนประชาธิปไตย แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ คืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ประชาชน ในระบอบประชาธิปไตย

ความเห็นที่แตกต่างบนพื้นฐานของเป้าหมายเดียวกันนั้น ยัง แสดงให้ประชาชน และ กลุ่มการเมืองโดยทั่วไปได้เห็นว่า คนเสื้อแดงไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหา ของเหล่าอำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน และ พันธมาร แต่อย่างใด ข้อกล่าวหาที่ว่า คนเสื้อแดงนั้นดำเนินการต่างๆเพื่อคน คนเดียว จึงฟังไม่ขึ้นโดยปริยาย


เมื่อเวลาเนิ่นนานออกไป สังคมกำลังถูกบีบให้ตัดสินใจโดยธรรมชาติ ว่าต้องสนับสนุนคนเสื้อแดง ตามหลักเหตุผล ที่คนเสื้อแดงต่อสู้มาตลอด และตัวเร่งปฏิกิริยา ที่ทำให้คนในสังคมเริ่มสนับสนุนคนเสื้อแดงนั้น มันเกิดขึ้นมาจาก ความไม่มีศักยภาพของรัฐบาล ความเป็นสองมาตรฐาน และ จุดยืนที่อิงแอบชิดใกล้กับระบอบอำมาตย์ ศักดินา อภิสิทธิ์ชน บนจุดยืนที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

ความที่ไม่มีศักยภาพ ของ รัฐบาลคือ การบริหารงานแบบไร้ผลงาน และการสร้างความขัดแย้งในตัวเองของนโยบายที่ใช้ และการสร้างความขัดแย้งต่อกระแสสังคม

กล่าวคือ การแจกเช็คช่วยชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นกำลังซื้อภาคประชาชนแต่ขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันซึ่งเป็นการลดกำลังซื้อของประชาชน

กล่าวคือ การลงทุนอบรมประชาชนตามโครงการต้นกล้าอาชีพ เพื่อที่จะสร้างงานแต่กลับปล่อยให้มีการเลิกจ้าง ทุกเดือนในปริมาณมาก โดยที่รัฐบาลเองมีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้น้อยมาก และผลงานที่เกิดจากโครงการก็ยังไม่ชัดเจน ว่าช่วยเหลือได้กี่คน

กล่าวคือ การทำผิดวินัยการเงินการคลังด้วยการ กู้เงินจำนวนมาก ไปใช้จ่ายกับรายจ่ายประจำ และส่วนที่นำไปลงทุนก็ไม่ได้ชี้แจงให้ชัดเจนว่า จะหารายได้เพิ่มอย่างไร เพียงแต่หวังว่า ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น ก็จะเก็บภาษีได้มากขึ้น และก็คงจะชำระหนี้ได้เอง ส่วนแผนรองรับในกรณีที่ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น จะทำอย่างไร ก็ไม่มี

กล่าวคือ โครงการต่างๆไม่สามารถลบภาพ หรือ หลีกหนี ความเชื่อมโยงที่มีต่อการทุจริตคอรับชั่น จากนโยบายต่างๆที่รัฐบาลกำลังผลักดันอยู่

ความไม่มีมาตรฐาน ของรัฐบาล คือ การบังคับใช้กฏหมายแบบไม่ยุติธรรม การเล่นพรรคเล่นพวก และการแสดงออกเพื่อช่วงชิงข้อได้เปรียบทางการเมือง ดูเหมือนจะมีการปฏิบัติเป็นสองมาตรฐานทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็น การบังคับใช้กฏหมายแบบ สองมาตรฐาน คดีความการยึดสนามบินใช้เวลารัฐบาลกว่า หกเดือนยังไม่มีการดำเนินคดี การเลือกบังคับใช้กฏหมายโดยอ้างว่า รัฐบาลก่อนหน้า ไม่ดำเนินคดีเอง

ไม่ว่าจะเป็น การแบ่งปันพื้นที่สื่อ โดยไม่มีพื้นที่ให้แก่ ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง การใช้พื้นที่สื่อกระแสหลักแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยใช้อำนาจรัฐ และ เส้นสายอำมาตย์ เข้าครอบงำ

ไม่ว่าจะเป็น การช่วยเหลือประชาชนตามนโยบาย การแจกเงิน การช่วยเหลือสินค้าหมู่บ้าน กองทุนหมู่บ้าน การพักหนี้ การช่วยเหลือราคาสินค้าเกษตร การช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวและส่งออก

จุดยืนที่อิงแอบชิดใกล้กับระบอบอำมาตย์ ศักดินา อภิสิทธิ์ชน บนจุดยืนที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ของรัฐบาล คือการหวงอำนาจบาตรใหญ่ การกล่าวหาผู้อื่น และ การขัดขวางมิให้ฝ่ายตรงข้ามแสดงความจงรักภักดี

ในเรื่องของ การจงใจกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม ว่า จะเป็นการจาบจ้วงเบื้องสูง ทั้งๆที่ฝ่ายตนเองเคย สนับสนุน และ ทำมาก่อน เช่นการขอพระราชทาน นายก มาตรา 7 และมีการแสดงออกเหมือนว่า ฝ่ายตนเองนั้น จงรักภักดีได้แต่เพียงผู้เดียว

ในเรื่องของ การถ่วงเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย มากขึ้น ทั้งๆที่มี ข้อเรียกร้องจากประชาชนยื่นให้มานานแล้ว

ในเรื่องของ การยึดติดกับอำนาจ ไม่ยอมคืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ปวงชนชาวไทย การขัดขวางการมีส่วนร่วมของประชาชน และ การที่ไม่ยอมสนับสนุน การพัฒนาการเมืองภาคประชาชน


ทั้งนี้สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่รัฐบาลปัจจุบัน กระทำตัวเป็นผู้เร่งปฏิกิริยา ให้ประชาชนโดยทั่วไป เข้าใจชัดเจนขึ้นมาก ว่า คนเสื้อแดงกำลังต่อสู้อยู่กับใคร ต่อสู้อยู่กับอะไร และคนเสื้อแดงต้องการ การสนับสนุนมากขึ้นแค่ไหน เมื่อต้องต่อสู้กับรัฐบาล ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ มีจุดยืนเช่นนี้ ไร้ศักยภาพเช่นนี้

วันนี้ นีโอ ขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนโดยทั่วไป ให้ความร่วมมือกับคนเสื้อแดง ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์การพัฒนาการเมืองแบบมีส่วนร่วมจากประชาชน ให้พี่น้องคนไทยทุกคนร่วมมือกัน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ของการเมืองและการปกครองของประเทศไทย แสดงให้ กลุ่มอำมาตย์ ศักดินา อภิสิทธิ์ชนล้าหลังได้รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาเหล่านั้นจะต้องยอม ให้คนไทยทุกคนได้มีสิทธิ ในการกำหนดทิศทางของประเทศชาติด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน

ให้ประเทศไทย ได้แสดงให้สังคมโลกได้เห็นว่า เราได้กลับมายืนอยู่บนพื้นฐานที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป

No comments:

Post a Comment