Thursday, July 30, 2009

ฎีกาฯ ล้านเสียงที่แสดงความศรัทธา ต่อ พระมหากรุณาธิคุณ

ฎีกาฯ ล้านเสียงที่แสดงความศรัทธา ต่อ พระมหากรุณาธิคุณ

ความศรัทธา ความจงรักภักดี ที่เปี่ยมล้นออกมาจากจิตใจ ของพสกนิกรชาวไทยนั้น ส่งตรงไปยังศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ


ไม่เข้าใจว่า รัฐบาล กับ พันธมิตร และ ลิ่วล้อ อำมาตย์ ทั้งหลาย จะกระวนกระวายใจไปด้วยเหตุใด

ไม่เข้าใจว่า อำมาตยา อภิสิทธิ์ชน จะมาคอยขัดขวาง การแสดง ความศรัทธา ต่อพระเจ้าแผ่นดิน ไปเพื่ออะไร

ไม่เข้าใจว่า การแสดง ความศรัทธา ความจงรักภักดี นั้น ถูกจำกัด แบ่งแยก ให้สิทธิไม่เท่าเทียมกัน หรืออย่างไร


วันนี้ ภาพที่ผ่านสื่อออกมาสู่สาธารณะชน คือภาพที่ ผู้มีอำนาจ ลิ่วล้ออำมาตย์ และ พันธมิตร เดินเกมขัดขวางการแสดงความศรัทธา ของพี่น้องประชาชนที่จะถวายแก่พระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งมันไม่ได้เป็นเหตุบังเอิญหรือ บุพเพ อาระวาด แต่อย่างใด มันเป็น ภาพของกลุ่มผู้มีอำนาจ เหล่าอำมาตย์ พันธมิตร ที่จะคอยยึดครอง ความจงรักภักดีไว้แต่เพียงฝ่ายเดียว เพื่อความได้เปรียบทางการเมือง

หากเราพิจารณา แบบพื้นๆผ่านสื่อสาธารณะ หรือ สื่อทั่วไป เราไม่จำเป็นต้องมีการศึกษามาก ก็จะเข้าใจได้ง่ายๆว่า พฤติกรรมของเหล่าบรรดา ลิ่วล้ออำมาตย์ นั้น ใช้สถาบันเบื้องสูงเป็นเครื่องมือในการทำลายศัตรูทางการเมืองตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นการใส่ร้ายด้วย ข้อหา หมิ่น, จาบจ้วง, ไม่หวังดี จนไปถึงข้อหาร้ายแรง เช่น ล้มล้างสถาบัน ก็ไม่เคยมีความละอายเกิดขึ้นในใจ ของบรรดา ลิ่วล้อ อำมาตย์ ทรราช พันธมิตรเลยแม้แต่นิดเดียว และ ยังคงมีการใช้กันมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้

การที่พี่น้องประชาชนชาวไทย ไม่กี่(ล้าน)คน ร่วมใจกันแสดงความศรัทธา ที่มีต่อพระเจ้าแผ่นดินนั้น ถูกขัดขวางในทุกๆระดับ จากผู้มีอำนาจ จากปีศาจการเมืองป้ายสี มองในแง่หนึ่ง อาจจะเป็นเรื่องที่ดี คือ อะไรที่ได้มายากๆมักจะมีค่าเสมอ เช่น เมื่อมีการขัดขวาง พี่น้องประชาชนในทุกรูปแบบแล้ว แต่ พี่น้องยังสามารถทำสำเร็จได้ คุณค่า ของการกระทำนั้น มีค่ากว่า เงินทองใดๆ ซึ่ง นอกจากพี่น้อง จะได้แสดงความศรัทธาแล้ว ก็ยังเกิดความสามัคคี อีกด้วย

รัฐบาล วุฒิสภาฯ อำมาตย์ ใช้ทุนมหาศาล ในการสร้างศรัทธาต่อสถาบัน แต่พี่น้องคนเสื้อแดงนั้น ไม่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลจากภาครัฐ เพื่อมารณรงค์ ให้เกิดความศรัทธาที่มีต่อสถาบัน คนเสื้อแดงเพียง สามัคคี รวมตัวกันเพื่อแสดงให้เห็นว่า อย่างน้อย หนึ่งล้านเสียง หรืออาจจะมากกว่านั้น แสดงให้สังคมไทยเห็นได้ว่า ความเชื่อ ความศรัทธา และ ความจงรักภักดี อันแรงกล้า ที่มีต่อสถาบันเบื้องสูงนั้น มั่นคง โดยไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆมาสร้างภาพ

การถวายฎีกาฯ ล้านเสียง เป็นการตอกย้ำ เน้นถึง ความศรัทธา ความรัก และ ความเชื่อมั่นที่มีต่อสถาบัน ที่ประชาชนคนเสื้อแดง อย่างน้อย หนึ่งล้านคนพึงมี พึงกระทำ

การถวายฎีกาฯ ล้านเสียง เป็นการตอกย้ำ ว่า คำครหา กล่าวร้าย ป้ายสี ว่า พี่น้องคนเสื้อแดงนั้นไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินนั้น เป็นเพียงเรื่องโกหก ที่ศัตรูทางการเมืองนั้น ยัดเยียด มาให้


และสิ่งที่คนเสื้อแดงจะ ภูมิใจ มากกว่า การแสดงความศรัทธา โดยการถวาย ฎีกาฯ คือการแสดงความเคารพ ในพระปรมาภิไธย คือไม่ว่าผลของ การถวายฎีกาฯ จะออกมาเป็นเช่นไร หนึ่งล้านเสียงก็จะแสดงความเคารพผลการตัดสินใจนั้น เพราะหลังจากการถวายฎีกาฯ ก็ ถือว่า เราได้แสดงจุดยืนที่มีต่อสถาบัน ให้สังคมได้เห็นแล้ว เราก็กลับไปทำงานตรวจสอบรัฐบาลต่อไป

นี่จะเป็นความแตกต่าง และเป็นบรรทัดฐานของสังคมต่อไป

ความเชื่อ ความศรัทธา ที่มั่นคง ที่เรามีต่อพระเจ้าแผ่นดิน หรือ อย่างน้อย หนึ่งล้านรายชื่อ ที่ร่วมถวายนั้น การถวายฎีกาฯ ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการ ขอพระราชทานความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว แต่

การถวายฎีกาฯ ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ จะเป็น

การแสดงความศรัทธา ต่อ พระมหากรุณาธิคุณ ของพระเจ้าแผ่นดิน อย่างแท้จริง

Wednesday, July 29, 2009

รัฐบาลเตรียมสร้างความขัดแย้ง ด้วย วิชามาร อีกครั้ง

รัฐบาลเตรียมสร้างความขัดแย้ง ด้วย วิชามาร อีกครั้ง

หลังจากที่ รัฐบวย มีความพยายาม ดึงฟ้าต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อ เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา ที่มีความพยายามปั่นกระแส ดึงสถาบันลงมาทำลายศัตรูทางการเมืองแต่ไม่ได้ผล ซึ่ง เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา มีการพยายามใสข่าว เล่นข่าวเรื่อง การทำบุญ ทั่วประเทศ ที่คนเสื้อแดงจัดให้คุณทักษิณแล้วพยายาม ดึง งานถวายพระพร เจ้าฟ้านักบิน มาใส่ร้ายคนเสื้อแดงว่า ตีตนเสมอท่าน ซึ่งไม่เป็นความจริง ความจริงก็คือ รัฐบวย มีความพยายามที่จะ เร่งโหม ประชาสัมพันธ์ งานถวายพระพรเจ้าฟ้านักบินเพื่อให้ พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า คนเสื้อแดงตีตนเสมอท่าน

พอมาถึงวันนี้ สดๆร้อนๆ คือ คนเสื้อแดงจะมีการจัดการชุมนุมเพื่อรวบรวม ฏีกาฯ ในวันที่ 7 หรือ 8 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ และ แกนนำเอง ก็แสดงความชัดเจนว่า แค่มารวบรวม ฏีกาฯ พอถวายเสร็จแล้ว ก็ กลับ แถมยังยืนยัน ว่า จะไม่มีกระบวนการกดดันใดๆต่อ สำนักพระราชวัง และ คนเสื้อแดงจะไม่กระทำการใดๆ ให้เป็นที่ระคายเคือง เหมือนกับที่ พันธมิตร พันธมาร ได้เคยกระทำความเลวทรามเอาไว้ ทั้งถวายฏีกาฯ ครั้งแรก แล้ว ขึ้นเวทีกดดัน ทั้งถวายฏีกาฯ ครั้งที่สองเป็นการเร่งกดดันเพิ่มเติม พี่น้องเห็นแล้วว่า การถวายฏีกาฯ ของคนเสื้อแดง กับ พันธมาร แตกต่างกันโดยวิธีการอย่างสิ้นเชิง เหมือน คนดี กับ คนชั่วก็ไม่ปาน

รัฐบวย เองก็ปฏิบัติตนสองมาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ ทำการขัดขวางการถวายฏีกาฯ อย่างขยันขันแข็ง ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า ประชาชนสามารถกระทำได้ ก็ยังจะขัดขวาง

คราวนี้ วิชามาร ที่ รัฐบวย กำลังจะ ดึงฟ้าต่ำอีกครั้งคือ การพยายามดึง เรื่องงานถวายพระพร หรือ งานวันแม่แห่งชาติ ในวันที่ 12 สิงหาคม นี้ มาทำลาย ความเคลื่อนไหวของประชาชน โดยจงใจจะใส่ร้าย ตั้งธงตั้งแต่ต้นว่า ถ้าคนเสื้อแดงมาชุมนุมกัน ก็ จะใส่ร้ายทันทีว่า ไม่จงรักภักดี หรือ ขัดขวางงานถวายพระพร หรือ กล่าวหาให้ร้าย อื่นๆ ตามความถนัดของรัฐบาล ที่มีความยอดเยี่ยมในเรื่องการให้ร้ายผู้อื่นอยู่แล้ว

กทม. ประกาศ ไม่อนุญาติ ให้คนเสื้อแดง ใช้ สนามหลวง ในการชุมนุมกันโดยอ้างว่า จะใช้สถานที่จัดงานวันแม่แห่งชาตินั้น จริงๆแล้ว เป็นงาน วันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งถ้า กทม. ให้คนเสื้อแดงใช้สถานที่ในวันที่ 7 สิงหา พอวันที่ 8 สิงหา กทม. ก็ สามารถที่จะเข้ามาจัดสถานที่ได้ คือจะมีเวลาจัดสถานที่ล่วงหน้าก่อนวันที่ 12 สิงหา ถึง 4 วันเต็มๆ ถ้ายังไม่นับรวม ช่วงเช้าของวันที่ 12 สิงหา ซึ่งปกติ ทาง กทม. ก็ ใช้เวลาช่วงนั้น เก็บรายละเอียดของงานอยู่แล้ว

อีกทั้ง รัฐบวย และ กทม. ยังไม่ได้แสดงความ จริงใจ ต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งถ้า กทม. หรือ รัฐบวย มีความจำเป็นจริงๆที่จะต้องใช้เวลา เตรียมสถานที่มากกว่า 4 วันครึ่ง กทม. เองควรจะแนะนำลงมา ว่า มีสถานที่ใด ที่คนเสื้อแดงควรจะใช้ แทนที่ สนามหลวง ไม่ว่าจะเป็นที่ หน้าทำเนียบ หรือ ที่ ศาลาคนเมือง เป็นต้น

นอกจากขัดขวางแล้ว ก็ ยังใส่ร้ายป้ายสี และ แสดงท่าทีที่จะดึง เบื้องสูงลงมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในขณะที่ พรรคพวกของตัวเอง เคยปิดถนนพระราชดำเนิน เคยบอกในเชิงบังคับให้ ราชองครักษ์ เปลี่ยนเส้นทางเสด็จ ทำไม รัฐบวย ในตอนนั้นไม่เคยพูดอะไรซักคำ แถมยัง ส่ง สส. ลิ่วล้อ ลงพื้นที่ร่วมชุมนุม ปิดถนนราชดำเนิน อีก

วันนี้ หากพี่น้องฟังข่าว ก็จะทราบว่า รัฐบวย ผ่าน เนรวิน ผ่าน รมต. มหาดไทย และ กระจง หลงทาง มีความพยายามคัดค้านการถวายฏีกาฯ อย่างหนัก คาดว่า จะเอา งบหลวง พิมพ์ สติกเกอร์ ต่อต้านการถวายฏีกาฯ ของคนเสื้อแดง มาแจกจ่ายทั่วไป โดยจะมีโฆษณาแฝง ให้คนนึกถึงพรรคภูมิใจไทย อยู่ใน สติกเกอร์ ทั้ง 65 ล้านใบนั้นด้วย คือ พ่อมดเขมร กะ ยิงปืนนัดเดียวได้ นกสามตัว คือ ได้ทั้งขัดขวางตวามเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ยังคงเติบโตขึ้น ได้ทั้งโฆษนาแฝงใน สติกเกอร์เหล่านั้น และ ได้ประหยัดสตางค์เพราะว่า เป็นเงินภาษีประชาชน

มหาดไทย ยังไปเกณฑ์ เอา กำนันผู้ใหญ่บ้านจำนวนมากมาร่วมงานแจก สติกเกอร์ คราวนี้ด้วย คราวนี้ เนรวิน ใช้งบหลวง ใช้อำนาจรัฐ ใช้ทุกวิถีทางที่จะให้ตนเองและพวกพ้องอยู่รอด

นักวิชาเกิน ลิ่วล้ออำมาตย์ ก็ ออกมาแสดง จุดยืน แบบกลืนน้ำลายตัวเองรายวัน อย่างสม่ำเสมอ

ภาพมันเห็นชัดแล้วว่า รัฐบวย มีพฤติกรรมดึงฟ้าต่ำ พยายามดึงเบื้องสูงลงมาเป็นเครื่องมือในการทำลายศัตรูทางการเมือง

นี่แหละ วิชามาร

รัฐบาล พันธมาร อำมาตย์ เตรียมพร้อมสร้างความขัดแย้งในประเทศชาติอีกครั้ง

Monday, July 27, 2009

สุขสันต์วันเกิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 26/07/2009

สุขสันต์วันเกิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 26/07/2009

วันนี้ หารใครไม่ทราบเรื่อง วันเกิดอายุครบ 60 ปี ของคุณทักษิณ และ งาน แซยิด ทำบุญ ของคนเสื้อแดงทั่วประเทศคงจะ เรียกได้ว่า เชยระเบิด

อยากจะย้อนเวลา ให้ท่านผ่านได้ฟังความหลัง ครั้งที่ นีโอ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ตอนนั้น นีโอกลับ มาจาก นิวยอร์ค ใหม่ๆ ประมาณ ปี 2000 หรือ ประมาณ พ.ศ. 2544 นีโอ ไปเดินเล่นอยู่ที่ เซนทรัลลาดพร้าว ตามประสาเด็กบ้านนอก ที่ไม่ค่อยได้ไปเดินห้างใน กทม. ซักเท่าไหร่

ที่ชั้นหนึ่งของห้าง นีโอ จำได้ว่าได้ยินเสียง เอะอะ จากคนจำนวนหนึ่งกำลัง ไทยมุงกันอยู่ นีโอ จึงไปมุงกลับเขาด้วย ปรากฏว่า พี่น้องประชาชนกำลังล้อมกรอบ คุณ ทักษิณ กันอยู่ พี่ป้าน้าอา เหล่านั้น รุมกันเข้าไปจะให้ นายก ทักษิณ เซ็นชื่อ ลงบนธนบัตร แบงค์พัน แบงค์ห้าร้อย

คงจะคิดว่า ได้ลายเซ็น คุณทักษิณ ไปแล้วจะร่ำรวย ประสบความสำเร็จเหมือนเจ้าตัว แต่ นีโอ ไม่มีเงินสด ที่จะให้ คุณ ทักษิณ เซ็นเหมือนคนอื่น จึงใช้ สมุดไดอะรี่ ที่ นีโอ พกติดตัวเป็นประจำให้ ท่านเซ็นแทน ระหว่างที่กำลังเซ็น ไหนๆ ก็ ไหนๆแล้ว นีโอ ขอลอง ภูมิ นายกฯ ซักทีเหอะวะ เลยยิงคำถามไปเป็นภาษาอังกฤษ

นีโอ: How would you funding all these mega projects?
(นายกฯ มองหน้านีโอ ก่อนจะตอบ คงประมาณว่า ไอ้นี่มันนักข่าว รึ ปล่าว และ ด้วยความที่ คนรอคิวกันเยอะ ส่วน การ์ด เริ่มตะหงิดๆ ว่า ไอ้นี่มันนักข่าวหรือปล่าว คุณ ทักษิณ ตอบ)
ทักษิณ: We got the source, don’t worry.

จากนั้น คุณ ทักษิณ ก็ ยื่นมือมา เช็คแฮนด์ กับ นีโอ เหล่าบรรดา ป้าๆ แม่ยก ก็ กรูกันเข้ามาขอลายเซ็นต่อ

อันนี้ ก็ เป็นอีกหนึ่งความประทับใจ ที่ หลังจากนั้น ไม่นาน เราใช้หนี้ ไอเอ็มเอฟ เปิดใช้งานสถานีสุวรรณภูมิ และ อื่นๆ จึงเอาเรื่องนี้ มาเล่า ให้ พี่น้องฟังว่านั่น เป็นครั้งแรก ที่ นีโอ พบ กับคุณทักษิณ

สุดท้ายนี้ ขออวยพร ให้ คุณทักษิณ จงมีความสุขความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืน ให้มีกำลังวังชา กลับมารับใช้พี่น้องประชาชนคนไทย เร็วๆ ด้วยครับ

Saturday, July 25, 2009

วิชามาร ดึงฟ้าต่ำ ของ พันทะมวย กับ รัฐบวย อีกแล้วครับท่าน

วิชามาร ดึงฟ้าต่ำ ของ พันทะมวย กับ รัฐบวย อีกแล้วครับท่าน

วันนี้ ไม่อยากจะ สุภาพ เหมือนทุกวันแล้ว ทั้งๆที่ทราบดี ว่า ก็ แค่ หมาเห่า แต่ นีโอ ต้องเป็นกำลังใจให้พี่น้อง เสื้อแดง สู้ กันต่อไป


เหตุมันเกิดขึ้นเมื่อ อันทะมวย กะ รัฐบวย รู้สึกอิจฉา ที่พี่น้องประชาชนจำนวนมาก ร่วมรายชื่อถวาย ฏีกาฯ ขอ อภัยโทษให้คุณทักษิณ อีกทั้งประชาชนจำนวนมาก ยังร่วมใจกัน จัดงานวันเกิดให้อีก

อำมาตย์ล้าหลัง อกจะระเบิด เส้นเลือดเต้นตุบตับ เดือดร้อนไปถึง อันทะมวย กับ รัฐบวย ที่ต้องออกมาหาทาง รักษาฐานมวลชนของตนเอง ที่น้อยลงทุกวัน ในขณะที่ พี่น้องคนเสื้อแดงมากขึ้นทุกวัน ทั้งที่รัก และ ไม่รัก ทักษิณ

นีโอ จะไม่พูดว่า ทัหษิณ ดียังไงทำไม คนเค้า ถึงชอบ ทำไมเค้าชื่นชม แต่ นีโอ จะขอกล่าวถึง วิชามาร ที่ พันทะมวย และ รัฐบวย ลิ่วล้อ อำมาตย์ นำออกมาใช้

จริงๆแล้ว ก็ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมันเป็น อะไร ที่ กลายเป็น สันดาน ของ อันทะมวย กับ รัฐบวยไปซะแล้ว แล้วเรื่องนี้ ที่ อันทะมวย กับ รัฐบวย พยายาม ออกมาสร้างกระแส นั้น มันมีที่มาจาก ความอิจฉา ความคับแค้นใจ และความไร้วิสัยทัศน์ ของ อันทะมวย กับ รัฐบวย

เมื่อ พันทะมวย กับ รัฐบวย เห็นว่า พี่น้องประชาชน ลงชื่อ ถวายฎีกาฯ เป็นจำนวนมาก และ ยังมีอีกจำนวนมาก อย่างมีนัยยะที่จะ สั่นสะเทือน ความมั่นคงของ รัฐบวย และ เป็นการขัดขวางการ ขยายพื้นที่มวลชน ของ พันทะมวย จึงได้มีการ ดึง เบื้องสูง ลงมาเพื่อทำลายศัตรูทางการเมืองอีกครั้ง

พันทะมวย กับ รัฐบวย กำลัง เริ่มทำชั่วอีกครั้ง ต้องขอย้ำนะครับว่าอีกครั้ง เพราะมันมีพฤติกรรมแบบนี้ หลายครั้งแล้ว คราวนี้

พันทะมวย กับ รัฐบวย พยายาม กล่าวหา ทักษิณ อีกครั้งว่า ไม่มีสามัญชนคนใดกล้าจัดงานวันเกิดใหญ่ๆ ขนาดนี้ทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีการเล่นเรื่อง งานทำบุญของทักษิณ ไปตรงกับ วันที่ นายก มาร์ค มุกควาย จัดรายการ เจ้าฟ้านักบิน แล้ว พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ก็คงมีการจัดงานถวายพระพรกัน

ถ้า พันทะมวย กับ รัฐบวย ไม่ พยายาม ดึงเบื้องสูง ดึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ลงมาทำลายศัตรูทางการเมืองแล้ว รัฐบวย กับ พันทะมวย ก็ไม่มีหนทางใด แล้ว ที่ รัฐบวย กับ พันทะมวย จะสามารถรักษาฐาน มวลชน ที่มีอยู่น้อยนิดไว้ได้

ความพยายามนี้ เป็นการกระทำ ที่ บังอาจ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เป็นพฤติกรรมต่อเนื่องเหมือนตั้งใจ จะดึง สถาบัน ลงมาเป็นเครื่องมือ อยู่ร่ำไป

นีโอ ไม่ได้แก้ตัวแทนใคร แต่ อยากจะให้ พี่น้องสบายใจว่า

การถวายฎีกาฯ คือ การแสดงความศรัทธรา ต่อ พระมหากรุณาธิคุณ

ส่วนงานทำบุญ ก็ คือการทำบุญ ย่อมได้ผลบุญ สู่ตน และ คนไทยทั้งชาติ ไม่มีการทำบุญใด ที่จะกลายเป็นการ ตีเสมอ สถาบันไปได้

รัฐบวย จัดงานให้ ใหญ่โต แล้ว พันทะมวย ช่วยตีข่าว เชิงใส่ร้าย ศัตรู ทางการเมืองแบบนี้ มันเป็นกระบวนการ และ ขบวนการ

อยากให้พี่น้อง รู้เช่นเห็นชาติ กันไปเลยว่า

ไอ้คนสองกลุ่มนี้แหละ ที่ไม่หวังดีต่อ สถาบัน

Friday, July 24, 2009

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คือ แสงนำทางของหัวรถจักร

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คือ แสงนำทางของหัวรถจักร

เมื่อวาน พี่มาร์ค ไปแสดงวิสัยทัศน์ ในงานสัมนา "วิกฤตประเทศไทย แสงสว่างปลายอุโมงค์ ของจริงหรือสิ่งลวงตา" ซึ่งฟังไปแล้วก็งั้นๆ สร้างภาพเหมือนเดิม และ ไม่ได้โชว์ วิสัยทัศน์ ของผู้นำแต่ประการใด เพราะทั้งมาร์ค ทั้ง นีโอ เห็นตรงกันว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ มันอาจจะเป็นทางตัน แต่แตกต่างกันที่มุมมอง

ทางออกของวิกฤตที่ปลายอุโมงค์ มันเป็น แค่ โคมไฟ ที่ห้อยไว้ลึกสุดที่ปลายอุโมงค์ ซึ่งขุดต่อไปไม่ได้ แต่มุมมองของ พี่มาร์ค ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะ แสงนั้นมันเป็นแสงไฟนำทางของหัวรถจักร ที่อาจพุ่งเข้าชน ได้

คนไทยทุกคน ต้องการหาทางออกให้แก่ประเทศชาติ ทั้งนั้น เพียงแต่ว่า เราต้องถกเถียงกันว่า หนทางใด ที่เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมมากที่สุด หรือ มีผลกระทบในทางลบ ต่อพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด

เส้นทางที่ พี่ มาร์ค เลือก นั้นมันมีหลักฐานว่า จะนำพาประเทศชาติไปสู่ทางตันมากกว่าทางออก แต่ด้วยความเป็นนักการเมือง พี่มาร์คอาจจะต้องยอมเสียเปรียบบ้างเพื่อให้ประเทศชาติรอดไปได้ ไม่ใช่แค่ พยายามยื้ออำนาจเอาไว้กับตนเอง และ พรรคพวก ให้นานที่สุด

นักวิชาการ ที่ถูก พันธมิตร ล้อเลียน ว่า กลางกลวง หรือ ถูกบังคับให้เลือกข้าง ส่วนใหญ่เห็นตรงกันใน 4 ประเด็นหลักๆ เพียงแต่ว่า จะอธิบายออกมาในรูปแบบไหน เท่านั้น

1.ถ้าไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์-ปรองดอง”ขึ้นในชาติโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับรากหญ้า ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา ภาษาใด หรือภูมิภาคใด และในเวลาเดียวกัน ถ้าเราไม่สามารถทำให้บรรดาคนชั้นสูง ชั้นกลาง ที่กุมอำนาจรัฐหรือรัฐบาลสามารถ”เกี๊ยะเซี๊ยะ” ประนีประนอมผลประโยชน์กันได้
2.ถ้าไม่สามารถปฏิรูปรัฐธรรมนูญหรือเขียนขึ้นมาใหม่ให้เป็นของ”สยาม”(ไม่ ใช่”ไทย”)และให้มีเนื้อหาสาระที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยไม่หมกเม็ด ไม่รับใช้หรือซ่อนเร้น ไว้เพื่อประโยชน์ของ "กลุ่มคน" หรือ "หมู่คณะ"
3.ถ้าไม่สามารถทำให้ "สถาบันกษัตริย์" เป็นสถาบันสูงสุด เป็นสถาบันกลางสำหรับการเคารพบูชาโดยประชามหาชนโดยรวม และไม่ถูกนำไปใช้ "อ้าง" และ "อิง" เพื่อประโยชน์ของ "กลุ่มคน" หรือ "หมู่คณะ"
4.ถ้าไม่สามารถทำให้”สถาบันทหาร-พลเรือน-ตุลาการ”เป็นสถาบันของการบริหาร การดำเนิน ที่ปราศจากการเข้าแทรกแซงในทางการเมือง มีความคิดที่เป็นประชาธิปไตย และมีหน้าที่ต่างๆนานาในการป้องกัน พัฒนาประเทศ และดำรงไว้ซึ่งหลักของกฏหมาย และความยุติธรรม

สรุปง่ายๆ ย่อๆ ลงมาคือ เราเชื่อหรือไม่ว่า ต้องแก้ปัญหาที่ 4 ประเด็นหลักๆ คือ

1. คนมีอำนาจ กลุ่มที่นำสังคม ทั้งชนชั้นกลาง และ ชั้นสูง ผลประโยชน์ไม่ลงตัว
2. รัฐธรรมนูญ ปัจจุบัน ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือ เป็นประชาธิปไตย ที่ กดขี่ คนบางส่วนของสังคม
3. มีการ “อ้าง” และ “อิง” สถาบันสูงสุดเพื่อ ประโยชน์ ของบางกลุ่ม บางคณะ
4. ยังคงมีการแทรกแทรง "สถาบันทหาร-พลเรือน-ตุลาการ" อยู่ในปัจจุบัน

การที่ คณะกรรมการสมานฉันท์ ได้สรุป วิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น โดยการเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญแบบ เร่งด่วน 6 มาตรา ซึ่งเชื่อว่า น่าจะช่วยให้เราหันกลับ และ มุ่งหน้าไปยังทางออกที่แท้จริง แต่ได้รับการต่อต้านจากกลุ่ม 40 สว. และ พันธมิตร รวมไปถึงการถ่วงเวลาโดยรัฐบาล เราลองมาดูกันว่า 6 มาตราที่ กรรมการสมานฉันท์ เสนอให้แก้นั้นประกอบไปด้วยข้อใดบ้าง

1. มาตรา 237 ยกเลิกการยุบพรรคและการเพิกถอนสิทธิ หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค โดยให้เพิกถอนสิทธิเฉพาะตัวผู้สมัคร ส.ส. ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
2. มาตรา 93-98 เรื่องที่มาของ ส.ส. ให้กลับไปใช้ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 คือใช้ระบบแบ่งเขต เขตละคน และระบบบัญชีรายชื่อ ตามที่ประชาชนคุ้นเคย
3. มาตรา 111-121 เรื่องที่มาของ ส.ว. ให้ใช้ตามรัฐ-ธรรมนูญปี 2540 คือให้มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
4. มาตรา 190 การทำหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ให้กำหนดประเภทหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
5. มาตรา 265 ให้ ส.ส.ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ อาทิ เป็นเลขานุการหรือที่ปรึกษารัฐมนตรีได้
6. มาตรา 266 การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนของ ส.ส.และ ส.ว. ให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาของประชาชนผ่านส่วนราชการได้

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เร่งด่วน 6 ประเด็นนี้ จะลดความขัดแย้ง ของสังคมลงทันที ทั้งในข้อ 1 และ ข้อ 2 คือ ตัวแทนของประชาชน ที่ประชาชนต้องการ จะได้มีโอกาส กลับ มาต่อรองผลประโยชน์ เพื่อประชาชน และ จะเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อ นำไปสู่การแก้ไข รัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตย ที่ไร้การกดขี่ กันเองในสังคมไทย

เริ่มต้นด้วยการแก้ไข รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นนี้ ตามมาด้วยการ รณรงค์ให้ เลิก อ้าง อิง สถาบันเบื้องสูง ทางการเมืองในทุกรูปแบบ จากนั้นจึงค่อยๆ ปฏิรูป สถาบันการเมือง-ทหาร-ตุลาการ ไปพร้อมๆกัน จึงจะเป็นทางออก ของวิกฤตการเมืองในประเทศไทยอย่างแท้จริง


อ้างอิง
"มาร์ค"เผยโดนทหารติงพรรคพวกจ้องเล่นงาน"แม้ว" ปัดแค้นใครแต่ต้องหยุดคนเหนือกม.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248361494&grpid=02&catid=01

"ชาญวิทย์" แนะ4ประการทำไม่ได้ ยากหลีกเลี่ยง "กาลียุค"
http://special.bangkokbiznews.com/detail.php?id=7124&username=politic

ฝ่าวิกฤตการเมืองไทย
http://www.kriengsak.com/index.php?components=content&id_content_category_main=23&id_content_topic_main=51&id_content_management_main=1974

ดร.อมร เสนอทางออกวิกฤตการเมืองไทยต้องปลดปลาย่างที่แขวนล่อแมวหรืออำนาจผูกขาดทางการเมืองออกเสียก่อน
http://www.raja.co.th/show.php?id=89

อภิสิทธิ์เชื่อเศรษฐกิจไทยเป็นบวกในสามปีข้างหน้า
http://www.komchadluek.net/detail/20090723/21611/%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2.html

ธเนศวร์ เจริญเมือง : วิกฤตการเมืองไทย พ.ศ. 2549-2552 ผลพวงของระบอบรัฐในอดีต
http://www.prachatai.com/journal/2009/05/23903

Thursday, July 23, 2009

เมื่อ เอฟ ตอเรส พบกับ เอ็ม ตอแหล: ว่าด้วยเรื่อง ตอๆ

เมื่อ เอฟ ตอเรส พบกับ เอ็ม ตอแหล: ว่าด้วยเรื่อง ตอๆ

ถึงแม้ว่า เฟอนันโด ตอเรส (Fernando Torres) จะได้ลงเตะ กับทีมชาติไทยเพียงไม่กี่นาทีสุดท้ายในครึ่งหลัง เมื่อวานนี้ก็ตาม แต่ ก็ เป็นการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนบอล คือจะเล่นให้เต็มที่ พอได้เปลี่ยนตัวลงมา ก็ ลากเดี่ยวขึ้นไป มีจุดหมายจะยิงประตูทีมชาติไทย ถึงแม้ว่าจะไม่สำเร็จ เพราะ กองหลังทีมไทยนั้นหนาแน่น ก็ตาม ก็ ยังถือว่า ได้ทำเต็มที่ และ เรียกเสียงเชียร์จาก แฟนหงส์ ได้อย่างตื่นเต้น

ในขณะที่ มาร์ค ตอแหล (Mark Torlae) ได้เคยสัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน ในต่างกรรมต่างวาระ ก็ มิได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้ เริ่มตั้งแต่ สมัยเลือกตั้ง ที่เสนอนโยบาย 99 วันทำได้จริง ข้อที่ 5 มาร์คจะ ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทำให้ ราคาน้ำมันลดลงทันที 1-2 บาทต่อลิตร แต่หลังจากที่วิ่งล๊อบบี้ จนตนได้เป็น นายก ก็ กลับลำแบบไม่เหลือเยื่อใย ทันที โดยการใช้ สถานที่ของกระทรวงต่างประเทศ ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อ รัฐสถาฯ มีความตอนท้ายๆว่า จะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการ ตอแหล สองชั้น อย่างหน้าตาเฉย คือ ชั้นแรก บอกว่าจะยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุน ก็ไม่ยอมยกเลิก ตอแหลที่สองคือ จะใช้เงินกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แต่กลับเอา เงินน้ำมัน ไปตรึงราคาแก๊สหุงต้ม เป็นการ ตอแหล เรื่องที่สอง

ถ้าเราไม่นับเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา เช่นเรื่องที่ประกาศจุดยืน ว่า เอ็ม ตอแหล หรือ เอ็ม มอ เจ็ด เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ก็ ขัดแย้งกับ พฤติกรรมในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การสนับสนุนการถวายฏีกาฯ ขอพระราชทาน นายกรัฐมนตรี ตาทมาตราเจ็ด หรือว่าจะเป็นเรื่อง การ สั่งให้ลูกพรรคบอยคอต การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ทั้งสองประเด็น ก็ ตอแหลทั้งนั้น

ล่าสุด กำลังจะกลายเป็นเรื่อง ตอแหล เรื่องล่าสุด คือ หลังจากได้อำนาจรัฐ มาแล้ว เอ็ม ตอแหล ก็ ไปสัญญา ว่า จะให้จัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อความสมานฉันท์ และปฏิรูปการเมือง แล้วถ้า คณะกรรมการนำเสนอมาอย่างไรก็จะจัดการไปตามนั้น ทั้งนี้ คณะกรรมการ ได้นำเสนอแล้วว่า ควรแก้รัฐธรรมนูญ 6 มาตรา แต่ท่าทีของ เอ็ม ตอแหล ก็ยัง รีๆรอๆ ไม่ฟันธงให้เดินหน้ากระบวนการ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซักที อันนี้ นานวันเข้าจะกลายเป็น ตอแหล อีกเรื่องหนึ่ง

ทั้งนี้ เอ็ม ตอแหล ยังมีลูกน้อง ที่คอยช่วยให้ตน ตอแหล อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตอดำ ตอตะโก และ เหลือแต่ตอ ทั้งสาม ตอ ที่เป็นลูกน้อง ของ ตอแหล ก็ขยันหาเรื่องให้ประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็น ตอดำ ที่มีอำนาจดูแลความมั่นคง เอางบ สองร้อยล้านไปคุ้มครองภูเก็ต หรือจะเป็น ตอตะโก ที่ชอบออกมาสร้างข่าว ปั่นกระแส ตั้งแต่ แผนตากสิน2 ท้าคนนู้น ท้าคนนี้ เป็นเรื่องเป็นราว และ สุดท้าย คือ เหลือแต่ตอ ซึ่งดูแลงานต่างประเทศแบบไร้มารยาท ทำงานแบบกุ๊ยๆ เรื่อยมา

งานนี้ รู้สึก เสียดายจริงๆ ที่ ตอเรส ไม่ยอมเตะบอลพลาดไปโดน หน้า ตอแหล ให้รู้สำนึกว่า ควรจะทำสิ่งดีๆได้แล้ว อย่ามัวเอาแต่สร้างภาพ

งานนี้ ตอเรส ยังคงรักษาระดับความนิยม ที่แฟนบอลมีให้ ใน ขณะที่ตอแหล เสียคะแนนเพิ่มขึ้นทุกวัน

งานนี้ ถ้า ตอแหล มากๆ ความสงสาร ที่พี่น้องประชาชนมีให้ ก็ จะกลายเป็นความสมเพช ไปเท่านั้นเอง


อ้างอิง

วิปฝ่ายค้านเล็งทวงคำพูด"มาร์ค"เรื่องข้อเสนอแก้รธน.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248272458&grpid=03&catid=01

นายกฯร่วมชมไทยฟาดแข้งลิเวอร์พูล จับมือนักเตะหงส์แดง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248270435&grpid=02&catid=07

Wednesday, July 22, 2009

เมื่อ ไม่กล้าทำสิ่งดีๆ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อไป

เมื่อ ไม่กล้าทำสิ่งดีๆ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อไป

พี่ เตี้ย หนองเตย เพิ่งจะส่งรายงานสรุป ผลงานรัฐบาลในช่วง 6 เดือนแรก ให้พี่มาร์คดูเมื่อวานนี้ และคาดว่า จะแถลง อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 หรือ 3 สิงหาคมที่จะถึงนี้ สิ่งที่น่าสงสัยคือ ทำไมต้องรอไปอีก 10 กว่าวัน อาทิตย์นี้ ก็น่าจะแถลงได้แล้ว ไม่รู้จะรออะไร

รัฐบาล มีวิธีแก้ปัญหาแบบแปลกๆ ตั้งแต่ หลังการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา คือ อะไรๆก็ “หยุดราชการ” พอสลายการชุมนุมของประชาชนเสร็จ ก็ สั่งหยุดราชการ พอผ่านมาซักพัก เศรษฐกิจไม่ดี ก็ สั่งหยุดราชการ เพื่อให้คนไปเที่ยวจับจ่ายใช้สอย ล่าสุด ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ระบาดหนัก ก็ สั่งหยุดราชการ นีโอ คาดว่า หากรัฐบาลชุดนี้ยังคงทำงานอยู่ ประเทศเราจะได้มีวันหยุดราชการอีกเยอะ


นักวิชาการ นักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และ พรรคร่วมรัฐบาล ต่างก็แนะนำ สิ่งดีๆที่ควรปฏิบัติ แต่รัฐบาลก็ ไม่ใส่ใจ ที่จะพิจารณา เพียงแต่สร้างภาพผ่านสื่อว่า จะรับฟังทุกฝ่าย เป็นนายกของคนไทยทุกคน แต่รัฐบาลก็พร้อมรบกับทุกคนเช่นกัน

สาเหตุที่รัฐบาลไม่กล้าทำในสิ่งที่ดีๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง นีโอคาดว่าน่าจะเป็นเพราะ ความเขินอาย หรือ สามัญสำนึก ที่คนในรัฐบาลยังพอมีอยู่บ้าง (มั๊ยฮึ๊)

เช่น กองทุนหมู่บ้านที่จะเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจ ก็ เอาไปเปลี่ยนชื่อเป็น กองทุนพอเพียง ให้ ลบภาพของรัฐบาล เก่าออกให้ได้ วันนี้คนกรุงเทพฯ บอกว่า กองทุน ของรัฐบาลทักษิณ กับ กองทุนของรัฐบาลมาร์คต่างกันสิ้นเชิง คือ ของทักษิณ มาเป็นเงิน คนในชุมชนเลือกได้ว่าอะไรเหมาะกับตัวเอง แต่กองทุน มาร์ค สมัยนี้ มาเป็น ตู้หยอดน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ กับ พัดลมไอน้ำ เฮ้อ

ส่วน บัตรสามสิบบาท ก็ กำลังจะทำเป็น บัตรประชาชน แทน คือ พยายามลบภาพ โครงการที่รัฐบาลเก่าๆ ที่ทำสำเร็จออกไปให้ได้

ยังมีเรื่องที่ไปด่าเค้าเอาไว้เยอะ จน ตัวเองไม่กล้าทำเช่นเรื่องของการ โซนนิ่ง (Zoning) เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ ที่ มีการพิสูจน์กันออกมาแล้ว ว่า ระบบโซนนิ่ง ช่วยควบคุมความรุนแรงได้ดี พื้นที่ที่เป็น สีแดง ประชาชนในชุมชนก็เร่งช่วยเหลือรัฐบาล ให้ แก้ปัญหาในพื้นที่นั้นๆ ให้เป็นปกติ แต่รัฐบาลนี้ ไปด่าเขาเอาไว้เยอะ ไปด่าเขาว่าการทำโซนนิ่ง เพื่อจำกัดพื้นที่การก่อการร้ายเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ดังนั้นตัวเองจึงไม่กล้าทำ

แถมมันยังส่งผลมาถึง ลักษณะในการแก้ปัญหาอื่นๆอีกด้วย เช่น การจำกัดพื้นที่ ที่ ติดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งหากรัฐบาลจัดการทำโซนนิ่ง และ คอยเตือนประชาชนว่า ถ้าไปในพื้นที่เหล่านั้น ต้องสวมหน้ากากไปด้วย ก็จะช่วยให้การติดต่อของโรคร้ายคงที่ หรือ ลดลงไปได้ แต่รัฐบาลคงไม่กล้าใช้ระบบโซนนิ่งเพื่อ จัดการกับปัญหาต่างๆ เพราะมันจะเป็นการกลืนน้ำลาย โง่ๆ ที่ตนเองเคยถ่ม เอาไว้ ตอนนี้เลยต้องพยายามแก้ปัญหาไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ด้วยการ ลดปริมาณการให้สัมภาษณ์ แทน (จะบ้าตาย)

ส่วนเรื่อง ความช่วยเหลือ ที่จำเป็นต้องช่วย ไม่ว่าจะเป็น เอสเอ็มอี (SME) หรือ ธุรกิจในกลุ่มท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งนักวิชาการ นักธุรกิจ เค้าออกมาพูดแล้วพูดอีก พูด จนเหงือกแห้งแล้วก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ ไม่มีท่าทีว่า รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องเงินกู้ช่วยเหลือ หรือ เรื่องของค่าเงินบาทที่มีผลกระทบโดยตรง

ยังจำได้ชัดเจนว่า รัฐบาลนี้ เคยด่า เคยว่า รัฐบาลทักษิณว่า มีอำนาจมากเกินไป มีจุดศูนย์กลางที่คน คนเดียว ไปด่าเค้าเอาไว้อย่างนั้น ไปหาว่า อะไรๆ ก็ ต้องให้ทักษิณมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พอมาวันนี้ ตนเองได้เป็นรัฐบาล ไม่มีอะไรเดินหน้า ไอ้ผลงานที่จะเอามาแถลงก็ไม่รู้ว่า มัผลงานอะไรจะมาแถลง พอรัฐมนตรีทะเลาะกัน ก็ ไม่ตัดสินใจ มีอะไร ก็ โยนให้ ข้าราชการประจำ ไปรับผิดชอบ ดังนั้น เรื่องรถเมล์ 4 พันคัน จึงยังไม่สรุป เรื่องหวยออนไลน์ก็ยังไม่สรุป เรื่องรับจำนำ หรือ ประกันราคา สินค้าเกษตร ก็ยังไม่สรุป เรื่องจะหารายได้เข้ารัฐโดยไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ก็ไม่สรุป สรุปว่า เรื่องอะไร กู ก็ ไม่สรุป ทั้งนั้น

เมื่อไม่สรุป อะไรซักอย่าง บ้านเมืองก็ไม่เดินหน้า ปัญหามันก็ คาราคาซัง แล้วจะมีรัฐบาลเอาไว้ทำซากอะไร ปล่อยให้ราชการประจำเค้าทำงานไปของเค้า บ้านเมืองมันน่าจะพัฒนาเร็วกว่านี้

เมื่อมีรัฐบาล ชุดนี้ ที่มีอำนาจล้นฟ้า เส้นสายล้นแผ่นดิน อภิสิทธิ์เหนือปวงประชา แต่หาผลงานไม่ได้ หางานได้แต่งานไม่เดิน งานที่เดินกลายเป็นหนี้สินของประชาชน


แล้วจะให้พวก ผม อดทน หา หอก อะไรครับ

Tuesday, July 21, 2009

รัฐบาลอำมาตย์ จะหลอน ขนาดไหน

รัฐบาลอำมาตย์ จะหลอน ขนาดไหน

อยากรู้จริงๆว่า นักเตะเมืองผู้ดี ทีม ลิเวอร์พูล เจ้าของสโลแกน YOU’LL NEVER WALK ALONE ที่จะมาโชว์ฝีเท้ากันในเมืองไทย จะถูก รัฐบาลขอร้องไม่ให้ใส่เสื้อแดง ออกทีวี หรือไม่ เพราะสัญลักษณ์ของทีมเค้าใช้เสื้อแดงกันมานานแล้ว ถ้า รัฐบาล อำมาตยา จะไปพูดภาษา อ๊อกฟอร์ด อ๊อกเหล็ก ให้เค้าใส่เสื้อทีมสีอื่น มันก็จะยังไงๆ อยู่


แล้วถ้าภาพที่ถ่ายทอดออกทีวี ระหว่างการแข่งขัน นั้น ผู้ชมส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีแดงไปเชียร์ ทีมลิเวอร์พูล แล้ว รัฐมนตรี ไอซีที จะตัดภาพไม่ให้ออกอากาศหรือไม่

ที่ยิ่งน่าตกใจกว่านั้นคือ ถ้า ผู้ชมเต็ม อัฒจันทร์โดยรอบ ที่ใส่เสื้อแดงมาดูทีม ลิเวอร์พูลโชว์ฝีเท้า แต่ละคนใส่เสื้อแดงที่มี สัญลักษณ์ นปช. นปก. ความจริงวันนี้ รักทักษิณ กันเต็ม อัฒจันทร์ ไม่ทราบว่า ทางรัฐบาลจะยังถ่ายทอดต่อไปหรือไม่

ประเด็นนี้น่าสนใจจริงๆ นีโอ ไม่ทราบว่าจะมีพี่น้องเสื้อแดง สักกี่คนที่ นัดพบกันนอกรอบ ใส่เสื้อแดงกันอย่างเปิดเผย เดินจูงมือกัน นั่งรถไฟฟ้า รถประจำทาง แท๊กซี่ ไปดู ลิเวอร์พูล แข่งบอล ทางรัฐบาลคงจะออกมาแก้ข่าวกันจ้าหล่ะหวั่น ว่า เป็น ลิเวอร์พูล ฟีเวอร์ แน่นอนทีเดียว

ว่าแต่ ตั๋วเข้าชมราคาสูง พอสมควรตั้งแต่ 600 – 3,000 บาท ที่สนามราชมังคลา วันพรุ่งนี้แล้ว ทราบมาว่า นักเตะมากันเกือบครบ ขาด เจอร์ราด คนเดียวที่ไม่มา

นีโอแค่อยาก จะขู่ให้รัฐบาลตื่นเต้นเล่นๆ เพราะมั่นใจว่า พี่น้องเสื้อแดงคง ไม่ยกขบวนกันไปแสดงพลัง กัน เพราะถ้าพร้อมใจกันไปแล้วหล่ะก็ มันจะมีที่ไม่พอให้ เตะฟุตบอล กันเลยทีเดียว หวังว่ารัฐบาล คงจะไม่ หลอนตัวเองจนเกินไปนัก


จากอดีต จนถึง ปัจจุบัน คนเสื้อแดงพยายามขับไล่ รัฐบวม ชุดนี้ กันมาก็พอสมควร เรียกได้ว่า ตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่งแลยด้วยซ้ำ แต่ รัฐบวม ที่มี ผิวหน้าหนา ก็ไม่ยอมคืนอำนาจให้แก่ประชาชนเสียที ทั้งๆที่ทำงานมา หกเดือน ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วันๆเอาแต่ กลั่นแกล้งพี่น้องประชาชน เอาแต่พูดจาสร้างภาพ ไม่ได้ทำตัวให้เกิดประโยชน์อะไร

ล่าสุด คณะกรรมการ ที่รัฐบาลแต่งตั้ง มาจากศัตรูของประชาชน ออกมารายงานผลการสอบสวน เรื่องเหตุการณ์ที่พัทยา ออกมารายงาน ด้วยความ เอนเอียง บิดเบือน ใส่ร้าย ไร้จริยธรรมสิ้นดี ถ้า รัฐบาลปล่อยให้ผลสอบสวนใส่ร้าย ไร้หลักข้อเท็จจริง สองมาตรฐานแบบนี้ ผ่านไป มันจะเป็นการตอกย้ำ ให้คนทั่วโลกได้รับรู้อีกครั้ง ถึงความไร้มาตรฐานทางจริยธรรม บ่งบอกถึงความไร้สามัญสำนึก และ วุฒิภาวะต่ำ

สิ้นเดือน นี้ แนวร่วมคนเสื้อแดง จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เนื่องจาก รัฐบาล ได้สร้างข้อขัดแย้ง ได้สร้างเงื่อนไขของความขัดแย้ง ให้เกิดขึ้นในสังคมมากขึ้นทุกวัน

ประเด็น การแก้กฏหมายเพื่อความ สมานฉันฑ์ 6 ข้อ ที่คณะกรรมการเสนอ ขึ้นมานั้น รัฐบาลไม่ได้แสดงความจริงใจ ที่จะสร้างความสมานฉันฑ์ ให้เกิดขึ้นในสังคม หากแต่ต้องการสร้างความขัดแย้งอยู่เรื่อยไป

ประชาชนไม่ได้ทำผิด รัฐบาล จะยัดข้อกล่าวหา

ประชาชนอยากจะ สมานฉันฑ์ ให้แก้กฏหมาย รัฐบาลไม่ใส่ใจ

อย่างนี้ ถ้า คนเสื้อแดงไม่ไล่รัฐบาล ออกไป คนรุ่นหลังก็จะโทษได้ว่า รุ่นพ่อรุ่นแม่ ปล่อยให้ รัฐบาล สร้างความ อยุติธรรม สองมาตรฐาน ไร้ความเป็นประชาธิปไตย ทิ้งไว้ให้พวกเขา ได้อย่างไร

อ้างอิง

เสื้อแดงร้อง"เพื่อไทย"ยกเลิกผลสอบพัทยา อ้างบิดเบือน-ปธ.กก.เป็นนายประกันให้"จำลอง-พธม."
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248099296&grpid=00&catid=01

ไร้เงา"เจอร์ราร์ด" ทัพนักเตะ"หงส์แดง"ถึงไทยแล้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248100500&grpid=02&catid=01

คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เพื่อใคร (1)
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/siripan/20090721/61290/%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%AF-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3-(1).html

Monday, July 20, 2009

สุราษฎร์ธานี เป็นของใคร

สุราษฎร์ธานี เป็นของใคร

หลังจากที่ โฆษก ปากสุนัข ออกมาท้าให้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลงสมัคร ส.ส. ที่ สุราษฎร์ ทำให้สร้างความหมั่นไส้ ให้พี่น้องชาว สุราษฎร์ มากมาย ด้วยแนวคิด อวดเบ่งบารมีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีสโลแกนว่า สุราษฎร์ เป็นเมืองของตระกูล เทือกสุบรรณ ซึ่ง ล่าสุด เทพเทือก ออกมาปฏิเสธ ข่าวที่ เทพไท ใส่ไฟเอาไว้ แบบ แหยงๆว่า พี่ชายของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็เคยเป็น สส. สุราษฎร์ มาก่อน และ สุราษฎร์ ไม่ใช่เมืองของพี่น้องเทือกสุบรรณ อย่างที่โฆษกแถลงไป ล่าสุด เทพไท ออกมาป่าวประกาศต่อว่า สุราษฎร์เป็นเมืองของ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง


เหมือนเป็นการออกตัวล่วงหน้า ผ่าน โฆษก เพราะคำท้าท้าย ที่นาย เทพไทป่าวประกาศนั้น ไม่เพียงท้าทาย พรรคฝ่ายค้านเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง พรรคอื่นๆ เช่นพรรคการเมืองใหม่ และรวมถึงพี่น้องประชาชนชาวสุราษฎร์อีกด้วย การดูหมิ่นดูแคลน พี่น้องประชาชนชาวสุราษฎร์ในครั้งนี้ อาจจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ เป็น ปฏิบัติการณ์ ลับ ลวง พลาง หรือไม่ ก็ต้องติดจามกันดู

แต่ที่แน่ๆ นายเทพไท ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า อยากจะให้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็น สส. เสียที เหมือนกับว่า ถ้า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยลงสมัคร สส. ที่ สุราษฎร์ แล้วจะได้รับเลือก ทันที

หากเรามองภาพรวม เราจะเห็นว่า หลังจากเทพเทือก ลาออกโดยไม่รอฟังศาลตัดสิน ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่เป็นที่แน่นอนแล้ว เพื่อมาแทนที่นาย สุเทพ ที่ลาออกไป จึงเป็นไปได้ว่า ปชป. อาจจะส่งน้องชายของ เทพเทือก ชื่อ ธานี หรือ ธาเทือก ลงสมัครแทน ส่วน พรรคการเมืองใหม่ ของพันธมิตร พันธมาร อันธพาล ประกาศชัดเจนแล้วว่า จะส่งคนลงสมัครในพื้นที่นี้แน่นอน ส่วนพรรคเพื่อไทย นั้น ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะได้ลงเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้

พรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีอำนาจรัฐในมือ จะสามารถลงพื้นที่ ที่สุราษฎร์ เพื่อหาเสียงได้หรือไม่ เมื่อเทียบกันแล้ว เวลาที่ ปชป. จะไปไหน มีการเกณฑ์ ตำรวจ ทหาร หัวคะแนน ไปคอยตามคุ้มกัน ในคณะที่พันธมิตรเองก็เป็นพวกสันดาล ไล่ล่าอยู่แล้ว คงจะตามไปก่อกวน ผู้ สมัครพรรคเพื่อไทย ไม่ให้เว้นว่าง

วันนี้ นีโอ จะขอเรียกร้องให้ พี่น้องชาวเสื้อแดง ที่ สุราษฎร์ธานี แสดงตัว และเริ่มตื่นตัวกัน เริ่มพูดคุยกันอย่างมีสาระว่า พรรคประชาธิปัตย์ เคยทำอะไรให้พี่น้อง ชาวสุราษฎร์ มากมายถึงขนาดอ้างได้ว่าเป็นเมืองในสังกัดของเขา และ 6 เดือนที่เขาเป็นรัฐบาลมา ประเทศชาติมีอะไรดีขึ้นบ้าง

วันนี้ นีโอ จะขอเรียกร้องให้ พี่น้อง เลือดใหม่ ชาวสุราษฎร์ ให้โอกาส ปีกการเมืองของคนเสื้อแดง หรือ พรรคเพื่อไทย ลบคำสบประมาท ที่ เทพไท และ ปชป. อ้างเอาว่า สุราษฎร์ เป็นเมืองของพวกเขา เหล่า ลิ้วล้อ อำมาตยา

แสดงให้ คนไทยทั้งประเทศเห็นว่า

สุราษฎร์ธานี หัวเมืองใหญ่แดนใต้ เป็นของพี่น้องประชาชนชาวไทย ไม่ใช่ ของ พรรคประชาธิปัตย์


อ้างอิง
ปชป.ชี้สุราษฎร์เป็นพื้นที่พรรคไม่ใช่ของสกุลใดสกุลหนึ่ง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248069428&grpid=03&catid=01

Saturday, July 18, 2009

ตอบ อาจารย์ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เรื่อง อุดมการณ์ใหม่

ตอบ อาจารย์ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เรื่อง อุดมการณ์ใหม่

จากบทความของ อ. สมศักดิ์ ว่าด้วย ชัยชนะของการสร้างประชาธิปไตยระยะยาวอยู่ที่การสร้างอุดมการณ์ใหม่ นั้น อ. สมศักดิ์ ได้กล่าวไว้คร่าวๆว่า “ชัยชนะของการสร้างประชาธิปไตยในระยะยาว ไม่ใช่อยู่ที่ยึดอำนาจรัฐบาลได้ แต่อยู่ที่สร้างอุดมการณ์ใหม่ (New Hegemonic Culture/Ideology) เข้าแทนที่อุดมการณ์กษัตริย์นิยม (Monarchist Ideology) ที่ครอบงำสังคมไทย” และยังกล่าวถึง สองประเด็น หลักๆไปถึงแกนนำ และ แนวร่วมคนเสื้อแดง

นีโอ ขออนุญาต เสริมทั้งสามประเด็น ให้พี่น้องแนวร่วมคนเสื้อแดง ได้ลองนำไปประกอบการพิจารณา เพื่อให้เกิดการตกผลึกทางความคิด และ เป็นแนวทางในการเคลื่อนไหวต่อไป

ประเด็นแรกเป็นเรื่อง ของการสร้างประชาธิปไตยในระยะยาว ไม่ใช่อยู่ที่ยึดอำนาจรัฐบาลได้ แต่อยู่ที่สร้างอุดมการณ์ใหม่ (New Hegemonic Culture/Ideology) เข้าแทนที่อุดมการณ์กษัตริย์นิยม (Monarchist Ideology)

นีโอ จำเป็นต้องชี้แจงว่า เห็นด้วยกับ อ. สมศักดิ์ ในส่วนที่ระบุว่า การสร้างประชาธิปไตยในระยะยาว ไม่ใช่อยู่ที่ยึดอำนาจรัฐบาลได้ แต่อยู่ที่สร้างอุดมการณ์ใหม่ (New Hegemonic Culture/Ideology) แต่ ยังไม่เห็นด้วยเรื่องการนำอุดมการณ์ใหม่นั้น เข้าแทนที่อุดมการณ์กษัตริย์นิยม สาเหตุเนื่องมาจาก

คนเสื้อแดงจำนวนมาก มีความนิยม เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างเหนียวแน่น และ มั่นคง ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากประเด็นความเคลื่อนไหวของแนวร่วมคนเสื้อแดงที่ผ่านมา เช่น หลังจากที่มีการทำรัฐประหารยึดอำนาจ รัฐบาลทักษิณ แล้วเสร็จ แนวร่วมคนเสื้อแดง ได้เคยชูประเด็น ว่าการยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นการยึดพระราชอำนาจ ของพระมหากษัตริย์ ในการบริหารราชการแผ่นดิน ผ่านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของคนส่วนใหญ่ ซึ่ง ประเด็นนี้ เป็นประเด็นที่ทำให้ แนวร่วมคนเสื้อแดงหลายภาคส่วนเกาะกลุ่มกันอย่างรวดเร็วในปริมาณมาก เป็นการแสดงให้เห็นเบื้องต้นว่า คนเสื้อแดงที่รักและภักดี นั้นมีอยู่มาก

ช่วงเวลาของการต่อสู้ เพื่อประชาธิปไตย มีหลายครั้งที่อำมาตย์ ผ่าน พันธมิตร พยายามกล่าวหา ยัดเยียดว่า คนเสื้อแดง ประสงค์ร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ ไม่เคยดึงสถาบันฯ ลงมาข้องเกี่ยวกับการเมือง ทำให้ พันธมิตรประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ด้วยการล้างสมองประชาชนว่า คนเสื้อแดง ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจริง

การรณรงค์ ใส่เสื้อเหลืองนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่ คุณ ทักษิณ เป็นรัฐบาล ก่อนที่ พันธมิตรจะพยายามสร้างกระแส ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นศัตรูกับสถาบันพระมหากษัตริย์ พันธมิตร เอาสัญลักษณ์เสื้อเหลืองมาเป็นเครื่องมือ ในการต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นการดึงสถาบัน ลงมาข้องเกี่ยวกับการเมือง และยังมีการถวาย ฎีกาฯ ถึงสองครั้ง และ พระมหากษัตริย์ ก็ ปฏิเสธคำร้องจากพันธมิตรทุกครั้ง ดังนั้นคนเสื้อแดง จึงเกิดความรังเกียจ พันธมิตรอย่างแพร่หลาย

จนปัจจุบัน การถวาย ฎีกาฯ ของคนเสื้อแดง ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ ถึงจำนวน คนเสื้อแดง ที่มีความเชื่อมั่นใน “พระมหากรุณาธิคุณ” เมื่อมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ คนที่มาร่วมลงชื่อ ในการถวายฎีกาฯนั้น อย่างน้อยก็มีความเชื่อว่า พระมหากษัตริย์ สามารถที่จะช่วยเหลือได้

นีโอ คิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่าล้านคน ที่จะลงชื่อในการถวายฎีกาฯ ครั้งนี้ ดังนั้น นีโอ จึงยังไม่เห็นด้วยกับ อ. สมศักดิ์ ในเรื่องการใช้ อุดมการณ์ใหม่นั้น เข้าแทนที่อุดมการณ์กษัตริย์นิยม นีโอ เห็นสมควร จากพื้นฐานของแนวร่วมคนเสื้อแดงที่มีปริมาณมาก กับ ความเคลื่อนไหวในอดีต เป็น หลักฐานสนับสนุนว่า

“การสร้างประชาธิปไตยในระยะยาว ไม่ใช่อยู่ที่ยึดอำนาจรัฐบาลได้ แต่อยู่ที่สร้างอุดมการณ์ใหม่ (New Hegemonic Culture/Ideology) ให้ควบคู่ไปกับ การพัฒนา อุดมการณ์กษัตริย์นิยม (Monarchist Ideology) ให้ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย

ประเด็นที่สอง เป็นเรื่อง ของการพูดจา ภาษาสรรเสริญพระบารมี นั้น อ. สมศักดิ์ น่าจะเข้าในดีว่า แกนนำคนเสื้อแดง เช่น สามเกลอ หรือแนวร่วมคนเสื้อแดงอย่าง ทักษิณ นั้นมีพื้นฐานเป็นนักการเมือง ซึ่งนักการเมืองนั้น มีความเป็นธรรมชาติ ที่จะพูดจา ให้คนนิยม เมื่อนักการเมืองเห็นว่า มีคนนิยมสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่มาก ดังนั้นการพูดจาภาษาสรรเสริญพระบารมี จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

นีโอ เพียงอยากจะชี้แจงว่า การพูดจาภาษาสรรเสริญพระบารมี นั้นเป็นสิทธิ ที่จะกระทำได้ และเมื่อเปรียบเทียบ ระหว่าง สามเกลอ และ ทักษิณ แล้ว ก็ยังดีกว่า ศัตรูของระบอบประชาธิปไตย เช่น พันธมิตร หรือ รัฐบาลลิ่วล้อ อำมาตย์ ที่ไม่พูดจาภาษาสรรเสริญพระบารมี แถมยัง คอยดึงสถาบันเบื้องสูงลงมา ขัดขวางความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงผ่านวาทกรรม ต่างๆ เช่น คนเสื้อแดงจาบจ้วง คนเสื้อแดงกดดันพระมหากษัตริย์ และ คนเสื้อแดงมีแผนการล้มล้างสถาบัน ซึ่ง นีโอ ขออาศัย โอกาสนี้ ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง จากหลักฐาน ความเคลื่อนไหวของ คนเสื้อแดง และจากการพูดจาภาษาสรรเสริญพระบารมี ของแกนนำและแนวร่วม ทำให้พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า คนเสื้อแดง นั้น รักและภักดี ต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างแท้จริง

ประเด็นที่สามเป็นเรื่อง ของการ ยึดอำนาจรัฐ ซึ่ง นีโอ เห็นด้วยว่า ไม่ใช่ ชัยชนะ ที่แท้จริงในการสร้างประชาธิปไตยในระยะยาว แต่เราต้องไม่ลืมว่า ก้าวแรก ของฝ่ายประชาธิปไตย ในการเข้าไปปรับเปลี่ยน แก้ไข หรือ ส่งเสริม ประชาธิปไตยนั้น ทำได้ยาก ในสถานการณ์เช่นนี้ คือ ในสถานการณ์ที่ อำนาจรัฐ อยู่ในมือของรัฐบาล ลิ่วล้ออำมาตย์ ดังนั้น ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน ประชาธิปไตยทั้งระยะสั้น และ ระยะยาวต้องสอดคล้องกัน กล่าวคือ หากฝ่ายประชาธิปไตย ได้อำนาจรัฐมาแล้ว ก็ ย่อมที่จะช่วยส่งเสริมการสร้างประชาธิปไตยในระยะยาว โดยที่จะสามารถช่วย ลดแรงต่อต้านจากฝ่ายอำมาตย์ลงได้

บทเสริม ว่าด้วยมุมมอง เข้าแทนที่ หรือ พัฒนาควบคู่กัน

วันนี้ต้องยอมรับว่า ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของ อุดมการณ์ใหม่ ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง นีโอจึงอยากจะอาศัยโอกาสนี้ ขยายความ อุดมการณ์ใหม่ ที่ นีโอ มองว่าน่าจะเป็นทางออก ที่ดี และ อาจจะขัดแย้งกับ อ. สมศักดิ์ ในส่วนของ “การเข้าแทนที่ของอุดมการณ์” ซึ่งจะเป็นการขยายความในส่วนของ “การพัฒนาควบคู่กันไป”

อีกมุมมองหนึ่ง ที่ต้องพูดกันเพื่อให้เกิดความยุติธรรมคือ เรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็น freedom of speech เราจะเห็นว่า อ. สมศักดิ์ หรือ นีโอ สามารถ วิจารณ์ การเมืองได้อย่างอิสระ ในขณะที่ พระมหากษัตริย์นั้น ไม่มี freedom of speech ไม่สามารถที่จะพูดเรื่องการเมืองได้ ไม่สามารถเลือกตั้งได้ ด้วย จารีต ควรไม่ควร ต่างๆ เราจะเห็นได้ว่า หลายครั้งที่ พระมหากษัตริย์ ได้ทรงตรัสว่า ตนไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับการเมืองได้ หรือ ถ้าพูด หรือ ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอาจจะไม่ได้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้

การคืน freedom of speech ให้แก่ พระมหากษัตริย์อาจจะต้องแลกด้วย การสละพระราชอำนาจบางส่วน ที่ไม่จำเป็นในการ ปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย

อีกมุมมองหนึ่ง พระมหากษัตริย์ ทรงตรัสอยู่หลายครั้งว่า คนที่เป็นพระมหากษัตริย์ ต้องถูกวิจารณ์ได้ ซึ่งสอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย แต่ในเมืองไทยยังมี กฎหมายหมิ่นฯ หรือ lese majesty ที่หลายคนอ้างว่า เป็น สิ่งที่ขัดขวาง การวิจารณ์สถาบันฯ ในจุดนี้นั่นเองที่เราต้องมาดูกันในรายละเอียดว่า จริงๆแล้ว lese majesty นั้น พระองค์ท่านต้องการหรือไม่ หรือ เป็นเพราะ ถูกพวกเราที่นิยมกษัตริย์ ยัดเยียดให้ใช้

เพื่อความสบายพระไท กฎหมายหมิ่น หรือ lese majesty สมควรได้รับการปรับปรุง

อีกมุมมองหนึ่ง คือ ความเสื่อมเสีย ที่มีผลกระทบต่อสถาบัน อันเนื่องมาจาก พฤติกรรมของ องคมนตรี ที่หลายครั้งหลายครา องคมนตรี ไปยอมรับตำแหน่ง ผู้บริหารประเทศ โดยการเลือก ของคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจ พระมหากษัตริย์ผ่านการล้มล้าง รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย

องคมนตรี สมควรมีข้อจำกัดทางกฎหมายใดๆหรือไม่ เป็นการเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้สร้างความเสื่อมเสียขึ้นแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ และ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ทางด้านวิชาการ และ ความเหมาะสม และตอบโต้รัฐบาลตามหลักฐานทางวิชาการใน นโยบาย ที่ จะมีผลกระทบในทางลบ แก่ สถาบันพระมหากษัตริย์

การเปิดประเด็นในบทเสริมนี้ เป็นเพียงอีกหนึ่งมุมมอง ที่ นีโอ ไม่กล้าพูดมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเขียนออกมาแล้วก็ยังรู้สึกกลัว ในจิตใจลึกๆว่า การ ตอบโต้ อ. สมศักดิ์ ในเรื่องนี้ อาจจะเป็นภัย

ทั้งนี้ การเปิดประเด็น จะชี้นำว่า การสร้างประชาธิปไตยในระยะยาว ไม่ใช่อยู่ที่ยึดอำนาจรัฐบาลได้ แต่อยู่ที่สร้างอุดมการณ์ใหม่ (New Hegemonic Culture/Ideology) ให้ควบคู่ไปกับ การพัฒนา อุดมการณ์กษัตริย์นิยม (Monarchist Ideology) ให้ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย


อ้างอิง

สมศักดิ์ เจียมฯ:ชัยชนะของการสร้างประชาธิปไตยระยะยาวอยู่ที่การสร้างอุดมการใหม่
http://thaienews.blogspot.com/2009/07/blog-post_18.html

Friday, July 17, 2009

A Message to an Oxford dude who thought that he is a Prime minister of Thailand!

A Message to an Oxford dude who thought that he is a Prime minister of Thailand!

The guy always says that he is a Prime Minister of every Thai citizen. The majority Thai do not accept what he has claim but oppositely, the majority saying that he is only a Prime minister of those high class, rich and privileges of the society.

The majority of the Thai people are wondering, how he could expect some respects from the majority Thai who are fighting for democracy, for fairness and for respect to their decisions. The majority of Thai are seeing him and his friends against their good will.

The majority did not vote for his party and himself nor his party’s and his policies to manage the country.

The majority of Thai people have been always voting for his and his party’s opponent in the last decade.

We are the majority Thai in red shirt and now we are requesting to this current government to return the power to the people. We are calling for the new election. We are calling to end this junta’s constitution and return to Thailand its people constitution.

If the Prime Minister and his administrators remain some respect to the majority Thai, then they should be worry to race again in the national election.

Let’s make it before this cabinet become the symbol of corrupt, bias and discriminate in the eyes of the whole world.

Let’s make it before an explosion of anger of the Thai people like the bomb blasting by terror in the south.

Let’s make it while you and your party remains some hopes.

You do not have much time!!!

Thursday, July 16, 2009

เบื่อรัฐบาล ตอนที่ 2

เบื่อรัฐบาล ตอนที่ 2

มาร์ค เป็น นายก มากกว่า 6 เดือน ประชาชนเริ่มเป็นโรคติดต่อกันมาก คือ โรค ดอกเบี้ยเงินกู้ทับเส้นประสาท ลุกลามไปจนถึง คลัง ของประเทศชาติ ซึ่งเป็นโรคที่มีวิธีแก้ทางเดียว คือ ต้องเอา โรคติดต่อ สมัย ทักษิณ เป็น นายก คือ โรค ถุงเงินโป่งพอง ซึ่งน่าจะเป็นวิธีเดียว ที่จะสามารถ รักษา โรคดอกเบี้ยเงินกู้ทับเส้นประสาท ที่เกิดการติดต่อขึ้นในรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่ว่า โรคถุงเงินโป่งพอง เอง ก็มี ผลข้างเคียงเหมือนกัน และ อาจจะทำให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนได้ คือ เมื่อเป็น โรคถุงเงินโป่งพอง แล้วเงินในถุง ในกระเป๋า มันเยอะขึ้น เยอะขึ้น พี่น้องประชาชน อาจจะ รู้สึกเครียด ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร จนต้อง รวย เครียด ดื่มน้ำ อะไรแบบนั้น

วันนี้ อะไรหลายๆอย่างเริ่มชัดเจนขึ้น หลังจากที่อะไรๆ มาเกิดขึ้นพร้อมกันในวัน หวยออก อย่างเหมาะเจาะ ไม่ว่าจะเป็นการไปประท้วงของพันธมิตร เรียกร้องให้ ตำรวจถอนข้อหา ก่อการร้าย โทษประหารชีวิตออก เฮ้อ!!! ตอนก่อนทำ ทำไมไม่คิด


จากนั้น ก็ เป็นเรื่อง 13 ส.ส. ของ ปชป. ที่ถูก กกต. ลงมติ ให้ ขาดคุณสมบัติในการเป็น ส.ส. คือต้องเลือกตั้งกันใหม่ ใน 13 ที่นั่งที่ อาจจะว่างลง หาก ศาลตัดสิน ตาม มติ กกต.

และก็เป็นวัน ที่ ศาลนัดไต่สวน คดี มหาขุมทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ของ คุณหญิง พจมาน ถ้าฟังพยานของ จำเลยแล้วรู้สึก ว่า จำเลยไม่ได้ ทำผิดอะไร แต่ คมช. ยังจะ ตะบี้ตะบัน เอาขึ้นศาลจนได้ เฮ้อออออ

สามเรื่องร้อนแรงพร้อมกัน ในวัน หวยออก ช่วยลดความตื่นเต้นของสังคมไปได้เยอะก็ตาม แต่ คงไม่มีพี่น้อง คนเสื้อแดงคนใด ที่จะลืมจุดมุ่งหมายสำคัญของการรวมตัวกัน ลงได้

จุดยืนที่พวกเราจะต้องร่วมกันสร้างมาตรฐาน ความเป็นประชาธิปไตยที่กินได้ ที่เป็นที่ยอมรับในสังคมโลก สร้างความยุติธรรม ความเท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นในสังคม และ ขับไล่ รัฐบาลลิ่วล้ออำมาตย์ ออกไป จากการ บริหารราชการแผ่นดิน

นีโอ ขอให้กำลังใจ คนเสื้อแดงทุกกลุ่ม ให้เดินหน้าต่อสู้ ต่อไป จนกว่าชัยชนะจะเป็น ของ ประชาชนคนไทยทั้งชาติ

วันนี้ จึงเป็นอีกวัน ที่ต้องยืนยัน ว่า รัฐบาล ควร ออกไป

รอฟังคำแก้ตัว

รอฟังคำแก้ตัว

วันนี้ โฟกัสของ นีโอ คงจะจดจ่ออยู่ที่ สอง สาม เรื่องหลักๆ นะครับ คือ วันนี้ พี่ มาร์ค ก็ตัดสินใจ เตรียมแถลงผลงานของรัฐบาลรอบ 6 เดือน นีโอ ก็ จะรอดูว่า มันมีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง สำหรับรัฐบาลชุดนี้

หวังว่า คงจะไม่มาประกาศผลงาน เช่น แจกเช็คช่วยชาติ ครบแล้ว หรือ มาประกาศว่า กู้เงิน 8 หมื่นล้านแรก เสร็จแล้ว อะไรแบบนี้ เพราะถ้ามาพูดแบบนั้น ก็ ให้ พวกโฆษกมาพูดแทนดีกว่า เสียเวลา นายก ปล่าวๆ

ที่ นีโอ คาดหวัง คือ พี่ มาร์ค จะต้องชัดเจนว่า อะไรมันสำเร็จไปแล้ว ผลลัพท์เป็นอย่างไร เช่น เช็คช่วยชาติ ที่แจกแล้ว กระตุ้นเศรษฐกิจ ได้กี่เปอร์เซนต์ หรือ โครงการเรียนฟรี ครอบคลุม นักเรียนทั้งหมดกี่คน

สิ่งที่น่าสังเกตุ คือ ทำไม ชิงประกาศผลงาน เร็วนัก ซึ่งจริงๆแล้ว ควรจะรอ สศช. หรือ สภาพัฒฯ ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจก่อนดีไหม แต่ก็ไม่เป็นไรครับ นีโอ ก็ จะรอฟังพี่ มาร์ค ว่า จะเอาผลงานอะไรมาแถลง เพราะเท่าที่จับตาดูมา ตลอด หกเดือนกว่าๆ ไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

นีโอ จะจำไว้ว่า พี่มาร์ค จะแถลงผลงานเรื่องอะไรหัวข้อไหน แล้วรอเปรียบเทียบ กับตัวเลขทางเศรษฐกิจ ไตรมาส 2 ที่ทาง สภาพัฒฯ กำลังจะประกาศ

ดูซิว่า จะมาแก้ตัวเรื่องอะไรอีก

ส่วนเรื่องที่สองที่น่าติดตาม สำหรับ นีโอ คือ เรื่อง มหาขุมทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ที่ นีโอ ไม่คิดว่า คตส. หรือ คมช. มี สิทธิไปอายัด ทรัพย์เขาเอาไว้ จะลงเอยอย่างไร

คนทำงาน มีครอบครัวเค้ารู้กันดี ว่า สังคมไทย สมัยนี้ ภรรยา เป็นคนบริหารทรัพย์สินของครอบครัวเสียส่วนใหญ่ อย่างหลายๆ คน หาเงินมาได้ ก็ ต้องให้ ภรรยาก่อน แล้วถึงเวลา ค่อยมาขอเงินภรรยาไปใช้

7.6 หมื่นล้านบาท นี่ น่าจะเป็นของ คุณหญิงพจมาน มากกว่า คุณ ทักษิณ ไม่น่าจะกล้า หือ คือว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ เกรงใจ เมีย

วันนี้ ศาลการเมือง จะไต่สวนคดีนัดแรก หลังจาก อายัดทรัพย์เค้าเอาไว้ หลายปีแล้ว

เรื่องสุดท้ายน่าจะเป้น กรณีไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ ติดกันเกือบ 5,000 คนแล้ว ถามว่า จะมีอยู่ใน แถลงการ ของรัฐบาล เป็นผลงานของรัฐบาลส่วนหนึ่งด้วยหรือไม่ ต้องลองติดตาม

เมื่อวานนี้ สามเกลอ ความจริงวันนี้ กลับมาออก รายการอีกครั้ง หลังจากหายหน้าไปนาน นีโอ ก็ จะตามดูว่า ประเด็น ต่างๆ ยังจะเฉียบคมเหมือนเดิมอยู่หรือไม่ แต่กลับมาออกหน้าจอ ทั้งที นีโอ ก็ ต้องขอแสดงความยินดี นะครับ

“คนเสื้อแดง สู้ๆ”




อ้างอิง

ศาลฎีกาไต่สวนยึดทรัพย์"แม้ว"7.6หมื่นล.นัดแรก16ก.ค.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1247658671&grpid=03&catid=01

"อภิสิทธิ์"เตรียมแถลงผลงานรัฐบาลรอบ6เดือน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1247665905&grpid=03&catid=01

Wednesday, July 15, 2009

โคตรจะมาร์ค เลยหว่ะ

โคตรจะมาร์ค เลยหว่ะ

โคตรจะมาร์ค เลยหว่ะ เป็นศัพท์แสลงของวัยรุ่นที่กำลังจะเป็นที่ นิยม ในสังคมไทย นีโอ ลองสำรวจกระแสวัยรุ่น ที่เคยใช้ ศัพท์นี้ ในพันทิป และ ยังคงใช้กันอยู่ ในเกมส์ออนไลน์ บางเกมส์ และจะเป็นที่นิยมแน่นอน หาก รัฐบาลชุดนี้ ยังคงประพฤติตน เช่นที่เป็นอยู่ จนชาวบ้านไม่พอใจ กระทบไปถึงวัยรุ่นในสังคมที่เริ่มตื่นตัวในเรื่องของการเมืองกันมากขึ้น

อยากจะเล่าที่มาของศัพท์ แสลง คำว่า “โคตรมาร์คเลยหว่ะ” หรือ “นายมาร์คมากๆ” หรือ “ไอ้มาร์คเอ๊ย”หรือ “แกมัน มาร์ค ได้ใจ เลยหว่ะ” ศัพท์แสลงเหล่านี้ มีที่มาจากวัยรุ่นหัวใส ที่ต้องการด่าว่า เพื่อนๆ ของตนเอง ว่า ไอ้กาก ไอ้เกรียน ไอ้เสี่ยว แต่ถ้าด่าทีละคำมันไม่สะใจวัยรุ่น พวกวัยรุ่นจึง นำนิยามของคำสามคำ บางส่วน มานิยาม เป็น คำศัพท์ แสลง แล้วใช้ คำว่า “มาร์ค” เป็นสัญลักษณ์ ของคำว่า กาก เกรียน เสี่ยว

นีโอ ลองสัมภาษณ์ นักรบไซเบอร์ ท่านนึง ที่ใช้ ฉายา ว่า รักสาวเสื้อแดง และได้คำอธิบายดังต่อไปนี้ นะครับ

จากศัพท์ คำว่า กาก ก็เอานิยามบางส่วนของ คำ คือ พฤติกรรม กากเดนสังคม เช่นทำอะไรที่เป็นโทษแก่ สังคม หรือ พฤติกรรมที่ขัดกับ หลักจริยะธรรมในสังคม หรือ ขัดกับธรรมชาติที่เป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่

เกรียน ก็เอานิยามบางส่วนของ คำ คือ พฤติกรรม ของคนไม่ใส่ใจในหลัก ทฤษฏีและเหตุผล พฤติกรรมการ แถ ข้างๆคูๆ ทั้งๆที่ฝ่ายตรงข้ามเค้ามีหลักฐานชัดเจน หรือ ทำอะไรโดยไม่ใส่ ใจ สักแต่ว่า ทำให้ตัวเองดูดีไว้ก่อน

เสี่ยว ก็เอานิยามบางส่วนของ คำ คือ พฤติกรรมที่ทำอะไรเชยๆ ชาวบ้านเค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ตัวเองเพิ่งจะมาเห่อ

แล้วที่ วัยรุ่น เค้ารวมตัวพร้อมใจกัน ใช้ คำว่า “มาร์ค” แทนคำว่า “กาก เกรียน เสี่ยว” นี่ก็เป็นเพราะ พฤติกรรมของ นักการเมืองคนนึง ที่เห็นแก่ตัว และ ไม่ยอมจะเสียให้ใคร ประกอบกับ พฤติกรรม ที่ปรากฏให้เห็นตามพื้นที่ สื่อ จึงทำให้ศัพท์เหล่านี้ รวมกันออกมาอย่าง ลงตัว ตัวอย่างเช่น

พฤติกรรม ของ กาก เช่น การไปร่วมมือ กับ คนเนรคุณ เพื่อประโยชน์ของพรรคพวก หรือ การเก็บ คนปากเสีย ผู้ต้องหาก่อการร้าย ไว้เป็นรัฐมนตรี หรือ การ สนับสนุน แต่งตั้ง คนปากระดับ เทพ(ไท) ไว้เป็นกระบอกเสียง คอย สร้างความขัดแย้งในสังคม

พฤติกรรม ของ เกรียน เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แล้วไม่ยอมรับว่าตัวเองพลาด หรือ ให้สัมภาษณ์ ว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้นอนอยู่บ้านเดี๋ยวก็หาย ทั้งๆที่มีคนตายกันเยอะ หรือ ไปอุ้ม คนที่โกหกผ่านทีวี ด้วยเหตุผลว่า อาจจะเกินมาตรฐาน กฏเหล็ก เก้า ข้อที่ตัวเองกำหนดไว้

พฤติกรรม ของ เสี่ยว เช่น ทำอะไรเชยๆ แบบ ขนคน 5,000 คน ไปคุ้มกันตัวเองที่ บุรีรัมย์ หรือ ที่ สวนกระแส ว่าภ้ายุบสภาฯ ตอนนี้แล้วคนจะเลือกตัวเอง เหมือนเดิม หรือ ที่ชอบเหมาเอาว่า เป็นนายก ของคนไทยทั้งประเทศ แต่ไม่มีใครยอมรับ

จากความหมาย ของ ศัพท์ และ พฤติกรรมของนักการเมืองที่เกิดขึ้นให้เห็น ผสมผสานกันอย่าง ลงตัวจนได้คำ ด่า เป็นศัพท์ แสลงใหม่ของสังคมไทย

และมันก็เป็นอะไร ที่มีเหตุผล มากกว่า การตั้งชื่อ ตัวเงินตัวทอง ให้สื่อไปเล่นข่าว จนคนที่ ชื่อซ้ำกับ ตัวเงินตัวทอง ต้องเสียใจ ไม่รู้กี่คน

แต่ศัพท์ แสลง คำนี้ มันระบุ ชัดเจน ถึง คนๆนึง เป็นที่รู้กันในสังคม คนอื่นไม่เดือนร้อนแน่นอน

ต่อไปนี้ ใครด่า นีโอ ว่า “ไอ้มาร์คเอ๊ย” หรือ “โคตรมาร์คเลยหว่ะ” หรือ “นายมาร์คมากๆ” หรือ “แกมัน มาร์ค ได้ใจ เลยหว่ะ”

นีโอ จะรู้สึกไม่ดี ทันที .....

Tuesday, July 14, 2009

ยืนยัน รัฐบาล ไร้ศักยภาพ

ยืนยัน รัฐบาล ไร้ศักยภาพ

วันนี้ นีโอ ขออนุญาติกล่าวถึงความไร้ศักยภาพ ของ รัฐบาลชุดปัจจุบัน ฉบับย่อ เกี่ยวเนื่องมาจาก ความอ่อนแอของรัฐบาล ในการบริหารราชการแผ่นดิน และ ความเก่งของรัฐบาลเฉพาะเรื่องไม่ที่ไม่เป็นเรื่อง

วันนี้เราลองมาฟัง ความคิดเห็นที่ควรฟัง ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเชื่อ ที่เรามีต่อ รัฐบาล ว่า รัฐบาลไม่ได้เรื่องอย่างที่คิด จริงๆ นีโอ คัดมาเฉพาะตัวอย่างนะครับ จริงๆแล้วมีเยอะกว่านี้

เวลา ที่รัฐบาล พูด ผ่านสื่อ ก็ ดูเหมือนจะช่วยประชาชน แต่ เอาเข้าจริงก็ ไม่รู้ติดขัดอะไร

…………………………………………….




ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
กล่าวว่า

ขณะที่ความพยายามช่วยเหลือของรัฐบาล
ที่จะให้บรรษัทสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือธนาคารรัฐบางแห่ง
ช่วยปล่อยกู้ไม่เป็นผล

เพราะมีผู้ประกอบการน้อยรายเท่านั้นที่ได้รับการปล่อยสินเชื่อ
เพราะส่วนใหญ่ฐานะไม่ดี แบงก์ไม่กล้าเสี่ยง
จึงทำให้การปล่อยกู้ตามกลไกปกติแทบไม่เกิดขึ้น


…………………………………………….



ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายสันติ วิลาสศักดานนท์
ตีแสกหน้ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อกรณีข้างต้นว่า

แม้
ส.อ.ท.จะเสนอของบช่วยเหลือเอสเอ็มอีไป 50,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการจัดสรรมาเพียง
5,000 ล้านบาท
แต่ภายใต้วงเงินดังกล่าว
ธนาคารพาณิชย์ก็ไม่สามารถปล่อยสินเชื่อให้ได้มากนักด้วยเหตุนี้
ส.อ.ท.จะเสนอให้ภาครัฐจัดสรรงบประมาณมาปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีอีก 10,000 ล้านบาท
เพื่อยืดลมหายใจให้แก่กิจการเอสเอ็มอีที่มีอยู่ประมาณ 2,000,000 ราย
และมีการจ้างงานในระบบกว่า 8,000,000 คน เพราะภายใน 3 เดือนนับจากนี้
หากไม่มีเม็ดเงินก้อนนี้เข้ามา
ทุกฝ่ายจะได้เห็นกิจการเอสเอ็มอีทยอยล้มหายตายจากไปประมาณ 10% หรือ 200,000
รายทันที และจะมีแรงงานเอสเอ็มอีต้องตกงานอีกหลายแสนคนอย่างแน่นอน!

…………………………………………..




นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรม
กล่าวว่า

ที่จริงแล้วในช่วง 4-5
เดือนที่ผ่านมานี้
ภาคเอกชนยังไม่ได้รับการช่วยเหลืออะไรจากรัฐที่เป็นรูปธรรมก่อนหน้านี้
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้ข้อมูลว่า
เอสเอ็มอีแบงก์ได้อนุมัติเงินกู้ให้กับธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว 275 ราย วงเงิน 586
ล้านบาท
แต่เอาเข้าจริงยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดได้รับเงินกู้

"นี่ขนาดขอกู้เงินไม่เกิน
5 ล้านบาท รัฐบาลก็ยังช่วยไม่ได้
แล้วโรงแรมขนาดใหญ่ที่ลงทุนเป็น 1,000
ล้านจะได้รับการช่วยเหลือด้านสินเชื่อได้อย่างไร"

…………………………………………..



นายอธิภูมิ กำธรวรรินทร์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ลำปาง เจ้าของบริษัทมีศิลป์ เซรามิก
จำกัด
กล่าวว่า

"การช่วยเหลือของรัฐบาลที่ผ่านมามีเพียงการฝึกอบรมพนักงานให้เอสเอ็มอีนั้น
ไม่ได้ช่วยให้เอสเอ็มอีดีขึ้นเลย
เพราะการจะอยู่ได้ต้องมีเงินมาซื้อกิน
ไม่ได้ใช้ความรู้ไปซื้อกินได้ ซึ่งต้องช่วยเรื่องเงินด้วย
ไม่ใช่ช่วยด้านวิชาการอย่างเดียว"
…………………………………………..




ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า

นักธุรกิจหลายคนกล่าวว่า รัฐบาลบริหารประเทศมากว่า 6
เดือนแล้วแก้ปัญหาผิดพลาดมาก
ทำให้ระบบเศรษฐกิจตีลังกา เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ถูกจุด
เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ เช่น ไม่กล้าตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ
แต่เลือกที่จะเลื่อนเวลาออกไป ยกตัวอย่างกรณีปัญหาการประมูลการขายข้าว ข้าวโพด
ปล่อยให้ราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญตกต่ำลงชี้ให้เห็นว่า
ขาดวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาความยากจน


…………………………………………..




นิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน ตอบโจทย์ใหญ่รัฐบาล 'มาร์ค' ล้างสต๊อกข้าว 6
ล้านตัน

ข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่ประมาณการว่ามีเกือบ 6 ล้านตัน
(จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2551 จำนวน 1.3 ล้านตัน ข้าวเปลือกนาปี 2551/52
อีก 2.5 ล้านตัน ข้าวเปลือกนาปรัง 2552 อีก 2 ล้านตัน เป็นโจทย์ใหญ่ของนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
จะบริหารจัดการระบายออกให้หมดไปจากสต๊อกได้อย่างไรโดยให้รัฐบาลขาดทุนน้อยที่สุด
เพราะขณะนี้ผ่านครึ่งปีมาแล้วที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ
แต่ยังไม่สามารถบริหารจัดการสต๊อกสินค้าเกษตรได้
แถมยังเป็นปมให้เกิดศึก "ขัดแย้ง"
ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง


…………………………………………..



นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวปาฐกถาหัวข้อ
"แก้วิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง"
ที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนาจัดขึ้น เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม
ว่า

เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนากล่าวด้วยว่า ทางรอดของประเทศไทย
จะรอดเพราะควาย แต่ต้องระวังให้ดี จะมีซาอุดีอาระเบียมาไล่ซื้อที่นา ซื้อควาย
จึงต้องเลี้ยงดูให้ดีเพื่อให้ควายเลี้ยงดูคน แผ่นดินและอาหาร คือทางรอด
ไม่ใช่โรงงานอุตสาหกรรม เพราะไม่ใช่ฐานของไทย
ที่น่าห่วงคือเมื่อประเทศพัฒนาไปถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10
ภาคเกษตรซึ่งเคยเป็นฐานทุนของไทยเหลือ 9% จาก 40% น่าเสียดายที่หลงโลกาภิวัตน์
ฝันหวานจะเป็นนิกส์ ไม่ได้ดูฐานว่าควรเป็นอะไร
จึงขอให้ทำในสิ่งที่ถนัด
ให้สอดคล้องกับฐานทุน


…………………………………………..



นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวง
ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์)
และตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยว ว่ากระทรวงจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทบทวนมติ ครม.
ในมาตรการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง
วงเงิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งออกมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
แต่ผู้ประกอบการยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ

…………………………………………..

ทั้งหมดนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่องช้า ของรัฐบาล ความไม่มีจุดยืนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความไม่เข้าใจต่อสภาพปัญหาที่แท้จริง




อ้างอิง
จับชีพจรเอสเอ็มอีจ่อ "โคม่า" ปั๊มหัวใจ!ก่อนฉุดเศรษฐกิจล้มทั้งยืน
http://www.thairath.co.th/content/eco/19045

ท่องเที่ยวไทยซมพิษหวัด2009 ป่วยกระเสาะกระแสะ..ปีนี้ยากที่จะฟื้น
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01eco01130752&sectionid=0103&day=2009-07-13

2กูรูดังส่งคำเตือนถึง'อภิสิทธิ์' ตอกย้ำแก้ปัญหาชาติต้องกล้าตัดสินใจ
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T012443d&issue=2443

นิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน ตอบโจทย์ใหญ่รัฐบาล 'มาร์ค' ล้างสต๊อกข้าว 6 ล้านตัน
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T0624431&issue=2443

"ดร.สุเมธ"แนะประเทศไทยจะรอดเพราะ"ควาย"ไม่ใช่โรงงานอุตสาหกรรม เตือนระวังซาอุฯไล่ซื้อที่นา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1247485209&grpid=00&catid=01

Monday, July 13, 2009

อภิสิทธิ์ เอาเปรียบ เสียดสี ประชาชน

อภิสิทธิ์ เอาเปรียบ เสียดสี ประชาชน

หกเดือนเศษ ที่รัฐบาลเข้ามาทำงาน บริหารราชการแผ่นดิน แบบไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน เอาแต่โทษ ใครต่อใคร และ อ้างว่าไม่ใช่ความผิดของตนนั้น ฟังไม่ขึ้น ยิ่งรัฐบาลทำงานไปก็ยิ่งกลืนน้ำลายตัวเอง ที่ถ่มออกมาถึงพื้นดินแล้ว

คนที่เป็น นายก อ้างว่าสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย รักษาสิทธิมนุษยชน เป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน แต่มีพฤติกรรมขัดกับคำพูดของตนเองอย่างสิ้นเชิง

การชุมนุมโดยสงบสันติปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิที่ประชาชนโดยทั่วไปสามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ การวิจารณ์การเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทเป็น พฤติกรรมที่มีกฏหมายรองรับ การเดินทางอย่างอิสระของคนไทย บนพื้นที่สาธารณะในราชอาณาจักรไทยเป็น เรื่องที่ นายกรัฐมนตรีเอง ก็ เรียกร้องอยู่ทุกวัน อยากจะไปลงพื้นที่ภาคอีสาน อยากจะไปลงพื้นที่ภาคเหนือ เป็นต้น


สิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริง คือ รัฐบาล พยายามขัดขวาง การชุมนุมโดยสงบสันติปราศจากอาวุธ ของพี่น้องประชาชนในทุกรูปแบบ ถึงขนาดว่า ต้องบังคับใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง เพื่อไม่ให้มีการชุมนุมกันของประชาชนที่ภูเก็ต ใช้บารมีของนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล มาขัดขวางการชุมนุมของคนเสื้อแดงในตัวเมือง บุรีรัมย์ เป็นการจำกัดสิทธิ ของพี่น้องประชาชนที่มีกฏหมายยอมรับ

รัฐบาลยังใส่ร้ายป้ายสี พี่น้องประชาชนด้วย โวหาร ผ่านสื่อ ที่ตนมีอำนาจรัฐ สามารถชี้นำ เรื่อยมาตั้งแต่ เรื่อง การแต่งเรื่องเท็จใส่ร้ายประชาชน เกี่ยวกับแผนตากสิน 2 แต่งเรื่องเท็จใส่ร้ายว่า การถวายฏีกาฯ ของพี่น้องประชาชนเป็นการจาบจ้วง แต่งเรื่องเท็จใส่ร้ายว่าพี่น้องประชาชนคอยขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทำงาน

ล่าสุดยังมีหน้า มาเสียดสีพี่น้องประชาชนว่า “กลัวรัฐบาลจะลงพื้นที่ไปชี้แจง” เหมือนกับว่า ตัวเองเป็นพระเอกหนุ่มรูปหล่อ ทำอะไรไม่เคยผิด คนอื่นผิดหมดทุกอย่าง

ประชาชนเค้าเรียกร้อง คำชี้แจงมานานแล้ว แต่ รัฐบาล โดย นายกรัฐมนตรี ไม่เคยมีท่าทีที่จะพยายามชี้แจง มาก่อน คราวนี้ ก็ ชัดเจนว่า รัฐบาลและพรรคร่วม จะลงพื้นที่ หาเสียง สร้างกระแส ในภาคอีสาน รัฐบาล ก็แค่ อ้างว่าจะลงไปชี้แจง

วันนี้ ประชาชนเค้าเรียกร้องให้ ชี้แจงมาได้เลยว่า

การกระตุ้นเศรษฐกิจ ไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ผลออกมาเป็นอย่างไร รัฐบาลทำอย่างไรถึงเป็นเช่นนั้น ภาวะ การท่องเที่ยว และ การส่งออกเป็นเช่นไร รัฐบาลแก้ปัญหาถูกจุด หรือไม่

ปัญหา ชายแดนภาคใต้ รัฐบาล ทำอะไรไปบ้างแล้ว ศอ.บต. ที่บอกว่าจะตั้ง ตั้งเสร็จแล้วหรือยัง ได้เรื่องอย่างไรบ้าง

กองทุน ชุมชนพอเพียง ไทยเข็มแข็งของรัฐบาล กระตุ้นเศรษฐกิจได้กี่เปอร์เซนต์ กระจายรายได้ มากน้อยแค่ไหน

อัตราการจ้างงานเป็นอย่างไร รัฐบาลสร้างงานไปแล้วกี่ตำแหน่ง ช่วยประชาชนให้มีรายได้ กี่คน

ปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 มีความชัดเจนอย่างไร จะแก้ปัญหาอย่างไร

ทำโพลสำรวจ ความพึงพอใจของพี่น้องประชาชน ที่มีต่อ โครงการเรียนฟรีแล้วหรือยัง


ชี้แจงมาได้เลย ไม่ต้องเปลืองงบ ค่าเครื่องบินส่วนตัว ค่าเบี้ยเลี้ยง บอร์ดี้การ์ด 5,000 นาย ค่าป้าย คัทเอ้าท์ ค่าใช้จ่ายจิปาถะ เรียกร้องมานานแล้วทำไม ไม่ชี้แจง

แล้วเวลาลงไปชี้แจง ไป เก้าโมงเช้ากลับสี่โมงเย็น มันใช้เวลาชี้แจง พอหรือ

อย่ามาตีสำนวนโวหาร ทำเหมือนประชาชนเป็นคนโง่ ใครๆเค้าก็รู้ทั้งนั้นว่าลงไปหาเสียง ประชาสัมพันธ์ ถ้าจะลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์จริง ประชาชนเค้าก็ไม่ได้ห้าม อยากลงไปชี้แจงอะไร ก็ ลงไป ใครเค้าจะมีสิทธิ์ไปขัดขวางท่านนายก พี่น้องประชาชนบางคนเกิดมาไม่เคยเห็น นายกรัฐมนตรี ตัวเป็นๆ ก็ ไปโชว์ตัวได้ ไม่มีใครเค้าขัดขวาง

มีก็แต่ รัฐบาลเองนั่นแหละที่ขัดขวางประชาชน ดูหมิ่นดูแคลนประชาชน

คนเสื้อแดงเค้าจะไปฟังคำชี้แจงจากปากนายก เหมือนพี่น้องประชาชนคนอื่น คนเสื้อแดงเค้าจะไปแสดงจุดยืนให้นายกเห็นว่า เค้าห่วงใยบ้านเมืองเหมือนที่ นายกอ้างว่าตัวเองเป็นห่วง คนเสื้อแดงเค้าจะไปแสดงสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ

ทำไม นายก จะต้องมาคอยขัดขวาง คอยพูดจาเสียดสี พี่น้องประชาชนด้วย

ทำไม นายก ลงพื้นที่ได้ แต่ ห้ามไม่ให้ประชาชน ไปลงพื้นที่ อย่างเท่าเทียมกัน

Sunday, July 12, 2009

มาร์ค จับมือ เนวิน สร้างภาพเหลวไหล จน ล้มเหลว

มาร์ค จับมือ เนวิน สร้างภาพเหลวไหล จน ล้มเหลว

เมื่อวานนี้ หรือ เมื่อวันเสาร์ ที่ 11 กรกฏาคม ที่ผ่านมาเราคงจะได้ข่าว กันแล้วว่า พี่มาร์คลงไปเยี่ยมเยียนประชาชนเมืองบุรีรัมย์ โดยมี เนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมีทางการเมืองในจังหวัดบุรีรัมย์ คอยเป็นผู้คุ้มครอง มีการเกณฑ์คน ทั้งตำรวจ ทหาร หัวคะแนนพรรคภูมิใจไทย กว่า 4,000 คน มาคอยคุ้มครองพี่มาร์ค ด้วยอาการหวาดกลัวคนเสื้อแดงอย่างจับใจ อีกทั้งยังมีการใช้ เฮลิคอปเตอร์ คอยดูแลสถานการณ์ทางอากาศ อีกด้วย



จุดประสงค์การลงพื้นที่ จังหวัดบุรีรัมย์ครั้งนี้ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า เป็นการสร้างภาพ เพิ่มกระแสของ นายก มาร์ค และพรรคประชาธิปัตย์ในภาคอีสาน และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายเนวิน สำหรับการแก้ตัวที่แพ้การเลือกตั้งที่สกลนคร ประชาชนลองสำรวจดูแล้วว่าเป็นการสร้างภาพ ที่มีต้นทุนสูงมาก สำหรับการไปเปิดงานต่างๆ ของนายกรัฐมนตรี ที่ จังหวัดบุรีรัมย์ครั้งนี้

การลงพื้นที่ของ นายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ ถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในทุกๆด้าน

หากเราสังเกตุตามสื่อกระแสหลัก เราจะพบว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ทำให้พื้นที่สื่อเต็มไปด้วยข่าวสาร ในการคุ้มครองนายกรัฐมนตรี จากการต่อต้านของพี่น้องประชาชน ไม่มีสื่อใด หรือ น้อยมากที่จะนำเสนอ ประโยชน์ที่พี่น้องชาวบุรีรัมย์ได้รับ จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ไม่มีการชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลจะได้ทำอะไร เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน นอกจากการนำ โครงการถนนปลอดฝุ่น มาตีปี๊ปกันอีกรอบ ทั้งๆที่ตกลงกันไปนานแล้ว ว่า รัฐบาลจะทำโครงการนี้

หากเราสังเกตุว่า ข้ออ้างของพรรคภูมิใจไทยที่ว่า พื้นที่ บุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ฐานการเมืองเบ็ดเสร็จของตระกูลชิดชอบ ก็ไม่เบ็ดเสร็จจริง เพราะพี่น้องคนเสื้อแดง ยังสามารถที่จะรวมตัวกันได้ในพื้นที่ อ. นางรอง ซึ่งห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ ไม่ถึง 30 นาที

หากเราสังเกต กระแสตอบรับ จากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เราก็จะเห็นว่า กระแสตอบรับ ที่มีต่อรัฐบาลไม่ได้กระเตื้องขึ้นจากสมัยก่อนสักเท่าไร ทั้งยังมีเรื่องของการเกณฑ์คน หมู่บ้าน ละ 25 ถึง 50 คนมาคอยต้อนรับ นายก นั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้มาด้วยความสมัครใจ แต่ผู้ใหญ่ในพื้นที่ขอร้อง

ดังนั้น โครงการ เปิดประตูอีสาน ประสานใจไทยเข็มแข็ง จึงกลายเป็น เรียลลิตี้โชว์ ปิดประตูอีสาน นายก พา 4,000 คนเที่ยวบุรีรัมย์ ไปได้อย่างเหลือเชื่อ

การสร้างภาพ หวังเรียกคะแนนสนับสนุนให้รัฐบาลในภาคอีสาน จึงโดน กระแสเบื่อรัฐบาลแย่งซีน ไปได้อย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าจะเป็นการ อุ้ม รัฐมนตรีต่างประเทศที่ไปสนับสนุนการยึดสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นอาการไร้ศักยภาพ ของรัฐบาลในการจำกัดวง ควบคุมโรคหวัด 2009 ไม่ให้กระจายออกในวงกว้าง

วันนี้จะมาแก้ตัวว่าไม่ได้ไปสร้างภาพ แต่ไปทำงาน ก็ ฟังไม่ขึ้นเสียแล้ว เพราะ ป้ายคัทเอาท์ จำนวนมากมันฟ้อง มันมีบรรยากาศการหาเสียงเรียกคะแนน จำนวนตำรวจทหาร 4,000 นาย มันฟ้อง และ ประโยชน์ที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ไม่ได้รับ มันฟ้อง ระยะเวลาที่ลงพื้นที่ก็ฟ้อง ไปกลับแบบนี้ เหมือนไม่จริงใจ มันไม่มีอะไรมาอ้างได้เลยว่า ลงพื้นที่เพื่อพี่น้องประชาชน

สร้างภาพล้มเหลว ด้วยกิจกรรมเหลวไหล

Friday, July 10, 2009

รัฐบาล ออกหมายเรียก พันธมิตร ฟ้องกลับ – หรือจะเป็นการ เกี๊ยเซี๊ยะ ระดับโลก

รัฐบาล ออกหมายเรียก พันธมิตร ฟ้องกลับ หรือจะเป็นการ เกี๊ยเซี๊ยะ ระดับโลก

ใกล้ถึงกำหนดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่ภูเก็ตเข้าไปทุกที ความชอบธรรมของรัฐบาลไทยในสายตาชาวโลกที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว กำลังจะย่ำแย่ลงไปอีก เนื่องมาจากความไร้ศักยภาพของรัฐบาลในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ในสังคมไทย จนต้องตัดสินใจใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง เพื่อดึงกำลังทหารออกมาปิดเมืองภูเก็ต ให้ขายหน้าเค้าไปทั่วโลก โดยอ้างว่า กลัวคนเสื้อแดงจะเดินทางไปป่วนการประชุมเหมือนคราวที่แล้วที่พัทยา

อีกทั้งชาวต่างชาติยังมอง รัฐบาลไทยแบบเหยียดๆว่า ทำไมต้องเอา คนถูกหมายเรียกคดีก่อการร้าย ยึดสนามบินมาเป็นตัวแทนในที่ประชุมอีก คราวนี้ นีโอ เดาไว้ล่วงหน้าเลยว่าถึงเวลาประชุมคณะรัฐมนตรีอาเซียน ผู้นำ หรือ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ต้องไปต้อนรับ รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิกอื่นๆด้วยตนเอง นีโอ เห็นภาพล่วงหน้าเลยว่า พี่ มาร์คต้อง ไปเช็คแฮนด์ ผงกหัว งกงก ต้อนรับระดับรัฐมนตรีของประเทศอื่น

กลับมาที่กรุงเทพฯ ครับ เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นคือ ตำรวจ ภายใต้การดูแลของเทพเทือก ออกหมายเรียก พันธมิตรในคดี ที่มีโทษประหารชีวิต ในขณะที่พันธมิตรลงมติจะฟ้องกลับ นายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1 แน่นอน

นีโอ สงสัยว่า มันเป็นการสร้างภาพ ลดแรงกดดันจากสังคม ชั่วคราว นีโอ เชื่อว่าในที่สุด พันธมิตรจะไม่ฟ้องกลับนายกรัฐมนตรี หรือฟ้องกลับจริงแต่ศาลไม่รับฟ้อง และ พันธมิตรก็จะรอดพ้นจากคดีไปด้วยโทษปรับ แบบ ขนหน้าแข้งไม่ล่วง เดาไว้ได้เลยว่า แกนนำ 5 คนของพันธมิตรและ นาย กษิต ไม่มีใครติดคุก

ประเด็นที่ทำให้ สงสัย เกิดมาจากความพยายามของ รัฐบาลที่พยายามจะสลัดภาพ ความสัมพันธ์และ ความเชื่อมโยงกันระหว่าง ประชาธิปัตย์ และ พันธมิตรให้หลุด เพื่อที่จะสร้างภาพให้สังคมได้เห็นว่า ทั้งสองกลุ่มไม่มีความเกี่ยวข้องกัน

ประเด็นที่ทำให้สงสัย อีกประเด็นคือ รัฐบาลไม่มีความพยายามเรียกร้องให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศลาออก เรื่อง ปลดออก ไม่ต้องพูดถึง หนำซ้ำยังแสดงอาการ โอบอุ้ม ให้เห็นชัดเจน จนต้องยอมขัดกระแสสังคม เหมือนกับรัฐบาลจะรู้เป็นใน อยู่แล้วว่า คดีที่มีโทษประหารชีวิตนี้ ไม่หนักหนา และเชื่อว่าจะช่วยได้

ประเด็นที่ทำให้สงสัย ประเด็นที่สามคือ รัฐบาลมีความพยายาม แก้ตัวจาก ข้อกล่าวหาของคนเสื้อแดงมาโดยตลอด มันจะมีวิธีการใด ที่ดีไปกว่าการ เสแสร้ง ว่าจะดำเนินคดี แล้วไปแก้ไขเอาในขั้นตอน ของ อัยการ หรือ ชั้นศาล เท่านี้ รัฐบาล ก็ จะสร้างภาพได้ว่า ไม่ได้ ปฏิบัติสองมาตรฐาน

เรื่องทั้งหมดนี้ มันมีกลิ่นไอ ของ ตุลาการภิวัฒน์ มีกลิ่นเหลืองๆของพันธมิตร และ มีกลิ่นสาป แมง อยู่ในทุกอณูของการตอบโต้กัน ผ่านสื่อ

นีโอ ขอเรียกร้องให้ พี่น้องประชาชน คนเสื้อแดง และ ปีกการเมืองของคนเสื้อแดง อย่างพรรคเพื่อไทย และ สื่อกระบอกเสียงของคนเสื้อแดงช่วยกันจับตา ความเคลื่อนไหวนี้ให้ดี

มันมีความเป็นไปได้ ที่คนอย่าง รัฐบาล ลิ่วล้ออำมาตย์ ที่สามารถเขียนแผน ตากสิน ได้ วางแผน ยุบพรรคการเมืองได้ ล้อมปราบใส่ร้ายประชาชนได้ ทำไม เรื่องการแก้ตัวเนียนๆ ผ่าน ตุลาการภิวัฒน์ ง่ายๆแค่นี้ จะทำไม่ได้

ถึงแม้ว่า ความจริงอาจจะไม่เป็นไปตามที่ นีโอ สงสัย มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไร ที่ประชาชน และ นักการเมืองฝ่ายค้าน จะช่วยกันจับตา ความประพฤติของรัฐบาล ไม่ให้ ทำลาย ความเป็น นิติรัฐ ความยุติธรรม ของประเทศชาติ ไปมากกว่านี้



แบบนี้ เค้าเรียก ซูเอีย เกี๊ยเซี๊ยะ ฮั้ว ใต้โต๊ะ แอบตกลงกันลับๆ