Tuesday, June 30, 2009

สู้ต่อไป!!!

สู้ต่อไป!!!

ผมอ่านบทความล่าสุด ของ อาจารย์ ใจ เรื่อง “ถึงจุดนี้แล้ว เสื้อแดงควรประนีประนอม หรือสู้ต่อไป?” เห็นได้ชัดถึงความกังวลเรื่อง แกนนำคนเสื้อแดง อาจจะไปประนีประนอมกับอำมาตย์ ประกอบกับ การที่คุณ วีระ นำเสนอเรื่องการถวายฏีกาขออภัยโทษ ช่วยคุณ ทักษิณ มันทำให้คนบางกลุ่มเข้าใจผิดว่า แกนนำ ระดับสูง อาจจะไปยอมประนีประนอม กับ อำมาตย์ ซึ่งเรื่องนี้ นีโอ เห็นตรงกันกับ อาจารย์ใจ ว่า การประนีประนอม ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในทางปฏิบัติ นอกจากจะมีเงื่อนไขว่า อำมาตยา อภิสิทธิ์ชน จะต้องเป็นฝ่ายยอมให้แก่ คนเสื้อแดงในทุกๆกรณี หากไม่ยอมแล้ว การประนีประนอมไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง และถ้าคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายยอม ความพยายามทั้งหมดทั้งปวง ที่ต่อสู้กันมา ก็จะเป็นอันจบสิ้นลง

ประเด็นที่เชื่อมต่อกับเรื่องการถวายฏีกานั้น นีโอ ยังเห็นว่า คุณวีระ ยังสมควรที่จะเดินหน้ายื่นถวายฏีกาต่อไป โดยที่ จะต้องมีความชัดเจนว่า เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล โดยที่จะต้องไม่อ้างว่าเป็น มติ ของคนเสื้อแดง หมายความว่า ใครใคร่จะช่วยคุณทักษิณ ก็ ไปลงชื่อ ที่คุณวีระ พอครบ 1 ล้านเสียงก็ลอง ถวายฏีกา แต่จะต้องไม่อ้างว่าเป็น มติของคนเสื้อแดงทั้งหมด เพราะมีพี่น้องส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการถวายฏีกา


การทำเรื่องถวายฏีกา ให้เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลนั้น จะยังคงเหลือช่องว่างให้คนเสื้อแดงใช้ในการต่อสู้กับ อำมาตย์ ต่อไป โดยที่สังคม จะไม่เห็นว่า คนเสื้อแดงนั้นทำเพื่อทักษิณ แต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่ แนวร่วมของคนเสื้อแดงอย่าง คุณ ทักษิณ นั้น ก็จะได้แสดงออกให้ ประชาชนโดยทั่วไปได้เห็นว่า มีความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเชื่อมั่นใน พระมหากรุณาธิคุณ

ประเด็นการต่อสู้ทางอุดมการณ์ของฝ่ายประชาธิปไตยนั้น เป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง และ อ่อนไหว เนื่องมาจากการฝังตัวของเครือข่าย และ เส้นสาย อำมาตยา ที่ต้องการรักษาผลประโยชน์ของตน ศัตรูของคนเสื้อแดงนั้นระบุได้ไม่ชัดเจนทั้งหมด เราเพียงเห็นภาพกว้างๆว่า ป๋าเปรม เชียร์การเมือง และอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร แต่ ป๋าเองก็ไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองนั้นอยู่เบื้องหลัง ส่วนองค์กร ต่างๆที่เกิดมาจากคณะรัฐประหารเช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คตส. ปปช. และ อื่นๆ ก็ยังคงมีอำนาจอยู่ในมือ ยกเว้นก็เฉพาะ คตส. ที่แปลงร่างไปแล้ว ส่วน ฝ่ายการเมืองเช่น ปชป. และ พันธมิตร ที่เพิ่งจะตั้งพรรคการเมือง จะเห็นได้ชัดเจนกว่า

ถ้าเราจะปฏิรูปสังคมแบบถอนรากถอนโคนเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น ยุทธศาสตร์ และ ยุทธวิธี จะต้องชัดเจน และจะต้องใช้เวลามาก ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาหลาย ทศวรรษ แต่ถ้าเรารอไม่ได้นานขนาดนั้น
เราจะต้องมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ และใช้อำนาจรัฐนั้นอย่างสร้างสรรค์ เพื่อที่จะปฏิรูประบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง รวมทั้ง การนำมาปฏิบัติซึ่ง นโยบาย ส่งเสริมเท่าเทียมกัน รัฐสวัสดิการ และ ระบบเศรษฐกิจเสรี เพื่อการกระจายโอกาส บนความเสมอภาค

และสิ่งที่ต้องชี้ให้เห็นว่า มีความสำคัญ และเป็นที่ยอมรับในประชาชนส่วนใหญ่ ของสังคมไทย ณ ปัจจุบัน คือ ความมั่นคง ความเชื่อมั่น และ ความศรัทธา ที่มีต่อ ในหลวง นั้นมากมาย จน ไม่อาจจะปฏิเสธ และไม่อาจจะมองข้ามได้

วันนี้การแลกเปลี่ยน ทางความคิดเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนเสื้อแดง เพื่อให้เกิดการตกผลึกทางความคิดในเรื่องของ ยุทธศาสตร์ และ ยุทธวิธี และก้าวต่อไปของคนเสื้อแดง

การต่อสู้ ยังคงจะต้องดำเนินต่อไป


อ้างอิง

ถึงจุดนี้แล้ว เสื้อแดงควรประนีประนอม หรือสู้ต่อไป?
http://siamrd.blog.co.uk/2009/06/29/3606-3638-3591-3592-3640-3604-3609-3637-3657-3649-3621-3657-3623-3648-3626-3639-3657-3629-3649-3604-3591-3588-3623-3619-3611-3619-3632-3609-3637--6420635/

Monday, June 29, 2009

ถวายฏีกาได้ แต่ไม่ควรใช้ มติของคนเสื้อแดง

ถวายฏีกาได้ แต่ไม่ควรใช้ มติของคนเสื้อแดง

เริ่มต้นด้วยการขอบคุณ พี่น้อง ชาว ศรีสะเกษที่ให้คะแนน แก่ ปีกการเมืองของคนเสื้อแดง ซึ่งก็คือ พรรคเพื่อไทย จนชนะท่วมท้นไปมากกว่า 40,000 คะแนน ในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวานนี้ นีโอ ต้องหน้าแตก จริงๆหลังจากที่ได้คาดการณ์ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะไปด้วยคะแนนเสียงหลักพันเท่านั้น ที่ไหนได้ ชนะไปเกือบครึ่งแสน ต้องยอมรับว่า ท่วมท้น เกินความคาดหมายมากๆ

วันนี้ หลังจากที่ท่องโลกไซเบอร์ และตามดูแนวรบไซเบอร์ของคนเสื้อแดงตามเวปบอร์ดต่างๆ และ ตามเวปไซท์คนเสื้องแดงเวปต่างๆ ปรากฏว่า ได้มีข้อโต้แย้งระหว่างคนเสื้อแดงด้วยกัน เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร นีโอ ต้องเกริ่นให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจในเบื้องต้น ซึ่งข้อโต้แย้งเกิดขึ้นจากการที่ คุณวีระ เสนอว่าจะถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่คุณทักษิณ ด้วยการรวบรวมคนที่เห็นด้วย 1 ล้านคน ลงชื่อยื่นถวายฎีกา ส่วนคุณทักษิณ ก็ “แล้วแต่ พระมหากรุณาธิคุณ”

ฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วย แต่อีกฝ่ายหนึ่งเห็นด้วย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนเสื้อแดงนั้นเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ไม่ใช่ อะไรๆก็เห็นด้วยไปเสียหมด นีโอ มองว่า ความขัดแย้งในครั้งนี้ อยู่บนพื้นฐานของอุดมการณ์และความเชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่คนเสื้อแดงจะมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกัน ในความเป็นประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง


ในทางปฏิบัติ นีโอ มองว่าการหารายชื่อสนับสนุน 1 ล้านคนนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องง่าย และยังต้องลุ้นว่าจะรวบรวมสำเร็จหรือไม่ และ หลังจากที่รวบรวมเสร็จแล้ว การยื่นถวายฏีกา แน่นอนว่าต้องผ่านมือ อำมาตย์ ก่อนที่ ในหลวง จะได้ทรงทอดพระเนตร และฏีกา 1 ล้านเสียงนั้น จะผ่านพระเนตรหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ถ้าว่ากันตามหลักทฤษฏี แล้ว การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น ทำได้หลายแนวทาง และหลากหลายวิธีการ เรามีสิทธิ ที่จะแสดงออก และ แสดงความคิดเห็น แต่เราไม่มีสิทธิที่จะไปจำกัดสิทธิ ของผู้อื่น ตราบใดที่การแสดงสิทธิเหล่านั้น ดำเนินไปภายใต้ กฏหมาย ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน การแก้ไขกฏหมายสามารถกระทำได้ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการแก้ไข กฏหมายยังคงถูกบังคับใช้ ตามปัจจุบันที่มี

โดยส่วนตัวแล้ว นีโอ เห็นว่า การยื่นถวายฏีกาขออภัยโทษ ให้คุณทักษิณ ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายแต่อย่างใด และไม่ได้มีความขัดแย้งในหลักการณ์ กับการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างมีนัยยะสำคัญ

มีพี่น้องกล่าวว่า เราไม่ได้ทำผิด แล้วจะขออภัยโทษทำไม – นีโอ ต้องขออธิบายว่า เราไม่ได้กระทำผิด แต่ถูกการบังคับใช้กฏหมายแบบสองมาตรฐานเข้าเล่นงาน และ ผู้มีอำนาจในปัจจุบัน นั้น ไม่ได้มีสัญญาณ และการแสดงออกว่าจะช่วยเหลือพวกเราให้ได้รับความยุติธรรมแต่อย่างใด นีโอ จึงอยากให้มองว่า การขออภัยโทษนั้น เป็นการช่วยเหลือตัวเอง ให้หลุดจากบ่วง ที่พวกอำมาตยา กักขังเราไว้ ด้วยการบังคับใช้ กฏหมายแบบสองมาตรฐาน และ หลังจากที่เรา แก้ไขกฏหมายสูงสุด และ กฏหมายประกอบ ให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นแล้ว เราจะประสบความสำเร็จ โดยเห็นแค่ว่า การถวายฏีกา ครั้งนี้เป็นเพียง หนึ่งในหนทาง ที่ จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการ พัฒนา ระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น

มีพี่น้อง กล่าวว่า การถวายฏีกา จะเป็นการสมานฉันท์ ซึ่งการสมานฉันท์ จะเข้าทางอำมาตยา อภิสิทธิ์ชน ที่คอยจะกดขี่พวกเราอยู่เรื่อยไป – นีโอ ต้องขออธิบายว่า แนวทางการสมานฉันท์ จะเกิดขึ้นได้นั้น ฝ่ายอำมาตยา อภิสิทธิ์ชน จะต้องเป็นฝ่ายยอมเท่านั้น ถ้าอำมาตย์ไม่ยอม ก็ สมานฉันท์ไม่ได้ ดังนั้น การถวายฏีกา ครั้งนี้ จะแสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่า ทางฝ่ายอำมาตย์ จะยอม คนเสื้อแดงหรือไม่ และ จุดสำคัญที่ นีโอ อยากชี้ให้ พี่น้องเสื้อแดงเห็นก็ คือ จะ สมานฉันท์ได้ ต้องมีคนยอม และวันนี้ อำมาตยา อภิสิทธิ์ชน จะต้องยอม เท่านั้น

มีพี่น้อง กล่าวว่า การถวายฏีกา ไม่ได้แสดงออกถึงแนวทางการเรียกร้องความยุติธรรม แต่แสดงให้เห็นว่า เป็นการ ทำเพื่อ คุณทักษิณ – นีโอต้อง ชี้แจงให้เห็นว่า แนวร่วมของคนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง ซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร นั้น ยังคงชื่นชม และ ชื่นชอบ ในตัวคุณทักษิณ คนเหล่านี้ เห็นตรงกับคนเสื้อแดงทั่วไปว่า คุณทักษิณไม่ได้ทำผิด แต่รัฐบาล ปัจจุบันเป็นศัตรูกับคุณทักษิณ และไม่คิดที่จะช่วยเหลือ ดังนั้น พี่น้องคนเสื้อแดงที่ นิยมชมชอบ คุณทักษิณ ก็ต้องหาทางช่วยคุณทักษิณเอาเอง และ การถวายฏีกา ก็ เป็นวิธีหนึ่ง เท่านั้น และ ก็ยังไม่แน่ใจว่า จะสำเร็จหรือไม่

มีพี่น้องกล่าวถึง ความขัดกัน ของผู้นำในระบอบประชาธิปไตย ซึ่ง การถวายฏีกา จะเป็นการยอมรับระบอบอำมาตยา และเป็นการก้มหัวให้ระบอบศักดินา – นีโอ ต้องขอชี้แจงให้ชัดเจน ว่า คนเสื้อแดงส่วนใหญ่นั้น ยังคงสนับสนุน ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข แต่เราไม่ยอมรับ ที่ขุนนางผู้รับใช้ใกล้ชิด มาข้องเกี่ยวกับการเมือง มาคอยขัดขวางการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นการที่ คุณ ทักษิณ แสดงความจงรักภักดี และแสดงความเคารพใน “พระมหากรุณาธิคุณ” นั้นจึงไม่เป็นการ ขัดกัน ของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย อย่างมีนัยยะสำคัญ

นีโอ เห็นว่า การถวายฏีกานั้น สามารถกระทำได้ ภายใต้เงื่อนไขว่า การถวายฏีกาขออภัยโทษให้คุณทักษิณ เป็นเรื่องของประชาชนทั่วไปที่ยังนิยม ชมชอบคุณทักษิณ และไม่ควรจำกัดอยู่เฉพาะคนเสื้อแดงเท่านั้น ชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป ก็ สมควรที่จะตัดสินใจเอาเองว่า จะช่วยคุณทักษิณหรือไม่

ส่วนแกนนำของคนเสื้อแดง ก็ ควรที่จะแยกแยะว่า การดำเนินการครั้งนี้ ไม่ใช่มติของคนเสื้อแดงทั้งหมดที่ตัดสินใจ ถวายฏีกา แต่เป็นความคิด ของคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งที่ นิยมชมชอบคุณทักษิณ และก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอะไร ถ้าคนเหล่านั้น จะรวมตัวกัน 1 ล้านคนเพื่อถวายฏีกา

การยื่นถวายฏีกา ซึ่งแน่นอนว่า มีคนเสื้อแดงรวมอยู่ด้วย แต่ไม่ใช่ประชามติ ของคนเสื้อแดงทั้งหมดนั้น จะเป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่า คนเสื้อแดง หรือ สถาบันคนเสื้อแดงในอนาคตนั้น จะไม่ยึดติดที่ตัวบุคคล แต่เป็นอุดมการณ์ ของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เรียกร้องความยุติธรรม กลับสู่สังคมไทย

แกนนำจะต้องชัดเจนว่า การถวายฏีกานั้น เป็นการร่วมมือกันระหว่างคนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง และ ประชาชนส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่มติ ของมหาประชาชนคนเสื้อแดง

Sunday, June 28, 2009

นีโอ ฟันธง เลือกตั้งซ่อม ศรีสะเกษ

นีโอ ฟันธง เลือกตั้งซ่อม ศรีสะเกษ

หลังจากการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง ที่สนามหลวงจบลงไปแล้วอย่าง ยิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าจะมีฝนกระหน่ำลงมา แต่พี่น้องเราชาวเสื้อแดงก็ไม่หนีไปไหน ส่วน นีโอ เองวันนี้รู้สึกว่าไม่ค่อยสบายเล็กน้อย ครับแต่ไม่เป็นไร ยังพร้อมต่อสู้ร่วมกับคนเสื้อแดงเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกับคืนมา

วันนี้ จุดสนใจกลับมาอยู่ที่ปีกการเมืองของคนเสื้อแดงครับ นั่นก็คือ พรรคเพื่อไทยนั่นเอง วันนี้เป็นวันเลือกตั้งซ่อมที่ ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นวันที่ค่อนข้างตื่นเต้นอีกวันหนึ่งที่พี่น้องคนเสื้อแดงจะพิสูจน์ ให้ คนทั้งประเทศได้รับรู้ว่า ประชาชนคนศรีสะเกษ เค้านิยมชมชอบ พรรคเพื่อไทยกันมากขนาดไหน และ จะชนะแบบถล่มทลายเหมือนที่ สกลนครอีกหรือไม่ เราต้องมาลุ้นกันครับ

วันนี้ นีโอ เลยขออนุญาต ลองวิเคราะห์ คร่าวๆดูว่า เย็นนี้ ใครจะชนะการเลือกตั้งซ่อมที่ ศรีสะเกษ ซึ่งแข่งกันอยู่สองพรรค


ดูจากฐานเสียงเมื่อครั้งที่มีการเลือกตั้งล่าสุด

...........................................................
เขตการเลือกตั้ง : 1 จำนวนที่นั่ง : 3 นับไปแล้ว : 433,442 (100.00%) สถานะ : นับเสร็จแล้ว อำเภอ : เมืองศรีสะเกษ,บึงบูรพ์,กิ่ง อ. ศิลาลาด,กิ่ง อ. โพธิ์ศรีสุวรรณ,พยุห์,ยางชุมน้อย,โนนคูณ,ราษีไศล,กันทรารมย์




ลำดับ เบอร์ ผู้สมัคร พรรคการเมือง คะแนน


1) 19 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ชาติไทย 82,344


2) 7 นายธเนศ เครือรัตน์ พลังประชาชน 78,517


3) 9 นายปวีณ แซ่จึง พลังประชาชน 64,278


-------------------------------------------


4) 8 นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ พลังประชาชน 63,948


5) 18 นายณรงค์สิทธิ์ เครือรัตน์ เพื่อแผ่นดิน 44,982
........................................................

เราจะเห็นว่า ครั้งที่แล้วที่ ศรีสะเกษ พรรคชาติไทย ชนะไปประมาณ 5,000 คะแนน

ถ้าเราดูจากคะแนนเก่า แล้วแชมป์เก่าน่าจะชนะแต่คราวนี้ มีตัวแปร สำคัญคือ พรรคเพื่อแผ่นดินไม่ได้ลงแข่งในการเลือกตั้งซ่อม ครั้งนี้ เราก็ต้องมาลุ้นกันว่า คะแนนจากพรรคเพื่อแผ่นดิน จะไปลงที่ใคร

ทีนี้เราลองมาดูจากตัวผู้สมัคร


โดยคะแนนส่วนตัวของผู้สมัคร ถ้าดูที่ นามสกุล ของ ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา แล้ว คาดการณ์ได้คร่าวๆ ว่า น่าจะได้คะแนนส่วนตัว จาก สส. สิริพงศ์ แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะพรรคชาติไทย นั้นชัดเจนว่าเป็นพรรคในระบบเครือญาติ ตั้งแต่ สมัยคุณ บรรหาร มาแล้ว เราจะเห็น สส. พรรคชาติไทย นามสกุลเดียวกัน เสียเป็นส่วนใหญ่

ถ้ามาดูจากคะแนนส่วนตัวของผู้สมัครพรรค เพื่อไทย ซึ่งเมื่อคราวที่แล้ว ลงสมัคร ในนามพรรคพลังประชาชนที่ถูกยุบไป มีคะแนนส่วนตัวอยู่ ประมาณ 63,800 คะแนน แตกต่างจากอันดับหนึ่ง อยู่ประมาณ 2 หมื่นคะแนน แต่ เชื่อได้เลยว่า คะแนน สนับสนุนจากพรรคพลังประชาชนเก่าน่าจะเท มาที่ คุณ สุรชาติ ซึ่งในที่สุดแล้วอาจจะทำให้ สูสีกันอย่างยิ่ง

นีโอ ลอง ประเมินคร่าวๆ แล้ว ทางคุณ บรรหารเอง ก็ มั่นใจว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะชนะ ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ที่ลงพื้นที่อย่างหนัก อาจจะต้องหืดขึ้นคอ

สุดท้ายแล้ว นีโอ ยังเชื่อว่า พรรคเพื่อไทย น่าจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่อาจจะไม่ถล่มทลายเหมือนที่สกลนคร เพราะ ฐานเสียงส่วนตัวของผู้สมัคร ซึ่งมีนามสกุลเดียวกัน ดังนั้น ขอฟันธงให้หน้าแหก ไปก่อนว่า คุณ สุรชาติ จากพรรคเพื่อไทย จะชนะการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ด้วยคะแนนหลักพัน เท่านั้น


อ้างอิง

ดาวน์โหลดผลการเลือกตั้งปี 2550 ที่
http://www.ect.go.th/newweb/th/election/index4.php

Saturday, June 27, 2009

รัฐบวมระส่ำ ชวนเอ๋อ เจอ แดงทั้งแผ่นดิน



รัฐบวมระส่ำ ชวนเอ๋อ เจอ แดงทั้งแผ่นดิน

รัฐบวม ระส่ำหนัก หลังจากโดนพี่ ตู่ จตุพร จับได้ว่า แผนตากสิน2 ที่แท้จริง เด็กในคาถา คมช. เขียนพล๊อตเรื่องเอง ให้ ผจก. (ผู้จงใจก่อการ) เทพเทือก เทพไท ออกมาตีปี๊ป ปั่นกระแส ให้ร้ายว่าคนเสื้อแดงเตรียมป่วนเมือง แถมยังเกณฑ์ กองกำลัง ทหาร ตำรวจ สันติบาล แม้แต่ เทศกิจ พร้อมรบกับคนเสื้อแดง แม้แต่เด็กอนุบาลยังงง ว่า เทศกิจ เกี่ยวอะไรด้วยวะ ดีไม่ไปเกณฑ์ เอาพนักงานดับเพลิง สาธารณะสุข มาด้วย


ดีนะที่มีข่าว ไมเคิล แจ๊คสันช่วยกลบข่าวความหน้าแตกของรัฐบวม เพราะหลักฐานของพี่ตู่ จตุพร เอามาแฉ มันชัดเจน เป็นเอกสารลับที่สุด จากทีมงานเดิมของรัฐบวม ที่ เคยสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเมษายนที่ผ่านมา งานนี้ เล่นเอาเทพเทือก เทพไท เถียงไม่ออกก็แล้วกัน แต่ด้วยความด้าน และ ดันทุรังสูง ทั้งสองคนก็ยังคงแถไปได้เรื่อยๆ

ที่ฮา ที่สุด ประจำวันนี้ เห็นจะเป็น ลุง ชวน แก่เลอะเลือน ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า งง มากไม่รู้รู้เสื้อแดงมาชุมนุมทำไม นีโอ ต้องบอกว่า ผมงงกว่าลุงอีก ทั้งๆที่ เทพเทือก เทพไท ออกมาให้ข่าว แผนตากสิน2 เป็นตุ เป็นตะ แต่ ลุง ชวน ก็ยังงง สงสัยว่า เสื้อแดงออกมาทำไม ถ้าลุงชวนไม่เชื่อ เทพเทือก เทพไท ไม่เชื่อลิ่วล้อ คมช. เรื่องแผนตากสิน2 ก็ดีแล้วครับ นีโอ จะเล่าให้ฟังก็ได้

วันนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะทวงคืนประชาธิปไตยแก้ไขรัฐธรรมนูญและขับไล่รัฐบาล ภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

วันนี้ คนเสื้อแดง จะร่วมกันชุมนุมด้วยความสันติ เพื่อเตือนสติให้รัฐบาล ที่อยู่ในความฝันให้มารับทราบข้อเท็จจริง

วันนี้ คนเสื้อแดง จะมาเรียกร้อง ความยุติธรรม ยุติ บทบาท ของรัฐบาล สองมาตรฐาน ที่ถูกชักใย โดย ทรราช อำมาตยา อภิสิทธิ์ชน พันธมาร หน้าด้าน เหมือนลุงชวนไงครับ



แต่ที่ผม งง จริงๆ คือ ลุงชวน บอกกว่า ไม่รู้คนเสื้อแดงมาชุมนุมทำไม แต่ตอนท้ายให้สำภาษณ์ว่า การกระทำของคนเสื้อแดง สอดรับ กับข่าวว่าจะสร้างความรุนแรง เหอๆ ทำไมพูดขัดกันเองแบบนี้ นีโอ คิดว่า ลุงชวนควรจะทำใจได้แล้ว เฟอะฟะ ขนาดนี้ พวก ยุคผลัดใบ ของ ปชป. อาจจะไม่ส่ง ลุงชวนลงรับสมัครเลือกตั้งคราวหน้า ก็ เป็นได้

และสิ่งที่ตื่นเต้นสุดๆวันนี้ คือการรวมตัวกันครั้งใหญ่ ครั้งแรก ตั้งแต่ คนเสื้อแดงถูกสลายการชุมนุมไปเมื่อเดือนเมษา ที่ผ่านมา ทราบว่า คืนวันที่ 26 หรือเมื่อวานนี้ ก็ ถึงกรุงเทพฯ กันแล้วกว่า หมื่นคน และจากข่าวล่าสุดที่ ประเมิน โดยรัฐบาลเอง ก็ คาดว่าน่าจะ ปาเข้าไป 5 หมื่นคนแล้ว

นีโอ คาดว่า พอแดดร่ม และแกนนำต่างเริ่ม ทยอยการขึ้นเวทีเย็นนี้ น่าจะมีให้เห็น ประมาณ 1 แสน คน เป็นอย่างน้อย แค่นี้ รับบาล ก็ คงจะเริ่มอาการสั่นเป็นเจ้าเข้า กันแล้ว ไม่รู้ว่า แผนชั่ว ที่เขียนเอง ด่าเอง นั้น รัฐบวม จะเอามาใช้จริงๆหรือไม่ ถ้ารับบวม เอามาใช้จริง ก็ ขอ ด่าก่อนเลยว่า เลวที่สุด


อ้างอิง

เสื้อแดงทยอยเข้ากรุง ตร.ตรึงทำเนียบฯ1กองร้อย
http://www.thairath.co.th/content/pol/15706

แดงลำปางรวมพล บุกกรุง สั่งสอนรบ.
http://www.thairath.co.th/content/pol/15652

"ชวน"บอกไม่รู้เหตุผล "เสื้อแดง"จะชุมนุมใหญ่เพื่ออะไร
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1246072089&grpid=03&catid=01

"สุเทพ"เตือน"จตุพร"พูดระวัง หลังปูดรัฐจะสร้างสถานการณ์เผา "วัด-มัสยิด" ปัดข่าว"จักรภพ"กบดานเขมร
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1246074440&grpid=00&catid=01

“ชวน”รับงง ไม่รู้เหตุผล “แดงถ่อย” ชุมนุมใหญ่ เชื่อรบ.เอาอยู่
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072736

"จตุพร"เปิดเอกสารลับแฉรัฐบาล เตรียมจัดฉาก"เผาวัด-มัสยิด-วางระเบิด" โยนความผิดม็อบเสื้อแดง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1246031605&grpid=05&catid=01

เสื้อแดงทะลักจากทุกทั่วสารทิศ ล้นสนามหลวง สืบเจตนาคณะราษฎร์ โค่นอำมาตยาธิปไตยhttp://thaienews.blogspot.com/2009/06/blog-post_9487.html

Friday, June 26, 2009

ทำเฉยเรื่องโจรใต้ ขู่ฆ่า 4,500 ศพ แต่พร้อมรบกับคนเสื้อแดง

ทำเฉยเรื่องโจรใต้ ขู่ฆ่า 4,500 ศพ แต่พร้อมรบกับคนเสื้อแดง

ไม่เคยคิดจะเขียนเรื่องความรุนแรงภาคใต้ มาก่อน จนมาถึงวันนี้ คิดว่าคงต้องคุยกันบ้างแล้ว เมื่อ หน่วยข่าวมหาดไทยออกมาแฉ ว่า ผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ ออกมาขู่ และ วางแผนลอบสังหาร 2 ผู้พิพากษาศาลจังหวัดสงขลา ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคดี ตากใบ โดยอ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก กระบวนการยุติธรรมของไทย หากไม่สำเร็จ ก็ให้จัดการ อัยการ ครู อัยการ เด็กๆ ลูกจ้าง 4,500 คนแทน

เมื่ออ่านดูแล้ว เป็นตัวเลขที่น่าตกใจอย่างยิ่ง หน่วยข่าวมหาดไทย ถึงกับออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า กำลังจะมีการใช้ความรุนแรงขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทย ถ้าฆ่า ผู้พิพากษา ไม่สำเร็จ ให้ ฆ่า 4,500 คนแทน


โฟกัส ของรัฐบาล ยังมาอยู่ที่ คนเสื้อแดง รองนายก ฝ่ายความมั่นคง หรือ เทพเทือก เรียกประชุม ผบ. เหล่าทัพ เพื่อคอยป้องกันคนเสื้อแดง ไม่ให้ก่อเหตุร้าย แต่ ไม่ยักกะคุยเรื่อง โจรใต้ ขู่ฆ่า 4,500 ศพ ในสามจังหวัดภาคใต้

วันนี้ รัฐบาล เตรียม 16 กองร้อย มีกำลัง 2,400 นาย อนุมัติงบประมาณจำนวน 66,236,800 บาท ให้กระทรวงกลาโหม ในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ควบคุมฝูงชนด้วยวิธีพิเศษ จะมียุทโธปกรณ์ควบคุมฝูงชน ประกอบด้วย โล่ใส ชุดเกราะ หมวกป้องกัน หน้ากากกันแก๊ส กระบอง กระบองไฟฟ้า แก๊สน้ำตาแบบขว้าง ลูกยิงแก๊สน้ำตา เครื่องยิงแก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทย กระสุนยาง เป็นต้น รวมกองร้อยละ 9,462,400 บาท

ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่เห็นมีใครยกเรื่องปัญหาความรุนแรงภาคใต้ขึ้นมาพิจารณาเลยซักคน แต่พอคุยเรื่องคนเสื้อแดง ทุกคนเหมือนจะพร้อมรบทันที

ล่าสุด มีคำสั่งให้ 5 กองบัญชาการให้เตรียมพร้อมรับมือ คนเสื้อแดง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.), กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.), กองบัญชาการตำรวจภูธร 1 (บช.ภ.1), บช.ภ.2 และ บช.ภ.7 เตรียมกำลังหน่วยปราบจลาจล ใช้ วิทยุสั่งการด่วนที่สุดโดย ผู้ช่วย ผบ. ตร.

ในขณะที่ เหตุการณ์ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีความคืบหน้าอะไร รัฐบาลแสดงความเป็นลูกผู้ชายด้วยการ เตรียมกำลังหน่วยปราบจลาจล พร้อมรับมือคนเสื้อแดง

ทำอย่างนี้ มันหมายความว่าอะไร รัฐบาลพิจารณาความสำคัญเป็นหรือไม่ คนเสื้อแดงเค้าไม่ได้ขู่จะฆ่าใคร แต่เตรียมกำลังพร้อม ในขณะ ที่โจรแบ่งแยกดินแดน ขู่จะฆ่าคน แต่รัฐบาลกลับไม่มีปฏิกิริยา อะไร


หากนีโอ ด่ารัฐบาลอย่างเดียว มันคงไม่เป็นการช่วยแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ ดังนั้น นีโอ จึงขออนุญาต แนะนำรัฐบาลว่า ล่าสุด ป๋าเปรม ออกมาแสดงความเป็นห่วง ลงหน้าหนังสือพิมพ์ พาดหัวตัวเบ้อเริ่มว่า "ป๋าเปรม"ห่วงม็อบเสื้อแดง27มิ.ย.แนะรัฐบาลดูแลใกล้ชิด

ดูเหมือน ป๋า จะเป็นห่วงประเทศชาติเสียเหลือเกิน ดังนั้น นีโอ ขอเสนอแนะให้ พี่มาร์ค เข้าพบป๋า ขอคำปรึกษา ในการแก้ปัญหา สามจังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากการขู่ฆ่า 2 ผู้พิพากษาศาล จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของป๋า อีกทั้งป๋ายังเป็นผู้มีบารมี มีคนเคารพ นิยม ชมชอบในภาคใต้อยู่เยอะ และ ดู เหมือนป๋า จะมีคำแนะนำให้รัฐบาล มาโดยตลอด

นีโอเชื่อว่า หาก รัฐบาล ขอคำปรึกษา จาก ประธานองคมนตรี ซึ่งเป็นคน สงขลา และ เป็นผู้มีบารมี อาจจะได้คำแนะนำดีๆในการป้องกัน การลอบสังหาร 2 ผู้พิพากษา รวมไปถึง การแก้ปัญหา โจรแบ่งแยกดินแดน สามจังหวัดชายแดนใต้

วันพรุ่งนี้ วันเสาร์ที่ 27 นีโอ จะขออนุญาต เอาตีนตบอันใหม่ที่เพิ่งจะซื้อมา ไปส่งสัญญาณ ที่สนามหลวง เพื่อเป็นการเตือนใจให้รัฐบาล เร่งแก้ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ภาคใต้ ของประเทศไทยประเทศไทย อยู่เย็น เป็นสุขเสียที


อ้างอิง

"ป๋าเปรม"ห่วงม็อบเสื้อแดง27มิ.ย.แนะรัฐบาลดูแลใกล้ชิด
http://www.komchadluek.net/detail/20090625/18386/ป๋าเปรมห่วงม็อบเสื้อแดง27มิ.ย.แนะรัฐบาลดูแลใกล้ชิด.html

สันติบาลประชุมจนท.รับมือเสื้อแดงบ่ายนี้
http://www.komchadluek.net/detail/20090625/18341/สันติบาลประชุมจนท.รับมือเสื้อแดงบ่ายนี้.html

สั่ง5กองบัญชาการวางชุดปราบจลาจลรับมือชุมนุมใหญ่"เสื้อแดง"เจรจาทหารช่วย "สันติบาลเชื่อไม่รุนแรง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1245916514&grpid=00&catid=01

นครบาลจัดกำลัง16กองร้อยรับเสื้อแดง
http://www.komchadluek.net/detail/20090625/18354/นครบาลจัดกำลัง16กองร้อยรับเสื้อแดง.html

หน่วยข่าวปูดโจรใต้เล็งลอบสังหารผู้พากษา-อัยการ บีอาร์เอ็นทวงสัญญา "มาร์ค"แก้ความไม่เป็นธรรม3จว.ใต้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1245934899&grpid=00&catid=19

200 ล้าน : รายจ่ายเพื่อความเชื่อมั่น
http://www.komchadluek.net/detail/20090622/17883/200ล้าน:รายจ่ายเพื่อความเชื่อมั่น.html

Thursday, June 25, 2009

จาก ระบอบทักษิณ, ปฏิณญาฟินแลนด์ ถึง แผนตากสิน ภาค2

จาก ระบอบทักษิณ, ปฏิณญาฟินแลนด์ ถึง แผนตากสิน ภาค2

ไม่นึกว่าจะได้เห็นต้นตำหรับ การเมืองสกปรก จากอำมาตย์ สู่สังคมไทยในยุคนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะเบื่อในเมื่อมันช่วยให้เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างตื่นเต้นมากขึ้น เพราะข่าวลับ ข่าวลือ ประเภทนี้ ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึง แผน ตากสิน 2 ที่ฝ่าย ทรราช อำมาตยา กำลังออกมาตีปี๊ปกันอยู่ตอนนี้ โดยอ้างว่าเป็นข่าวกรอง หน่วยสืบราชการลับ อะไรก็ช่าง ภาษาอังกฤษ เค้าเรียก “Bull Shit” หรือ ที่บ้านเราเรียก เพราะๆว่า “เหลวไหลจริงๆเลย”

ทำไมผมถึงเรียกว่าเป็นเรื่องเหลวไหล หากท่านผู้อ่านลองสังเกตุ การพัฒนาการทางสมองของสมุน อำมาตย์ เปรียบเทียบกับเรื่องราวในอดีต ก็จะเข้าใจได้ชัดเจน จนเดี๋ยวนี้ ประชาชนทั่วไปเค้าคิดว่า เป็นเรื่องตลกไปซะแล้วครับ

เริ่มจาก ข้อกล่าวหา ระบอบทักษิณ ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่แล้วว่าเป็นแค่ วาทะกรรม เพื่อสร้างอารมณ์ร่วม ของศัตรูทางการเมือง ที่ต้องการสร้างสูตรสำเร็จในการกล่าวหา ทักษิณ และ บุคคลใกล้ชิด เพื่อที่จะผลักดันพรรคพวกตัวเองเข้ามาแทนที่ จนถึงขนาดต้อง ออกมาทำรัฐประหาร กัน จนดังไปทั่วโลก หลังจากยึดอำนาจ มาได้แล้ว ก็ ไม่เห็นว่าจะทำอะไร ที่เป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งพิสูจน์ กันชัดเจนแล้วว่า เป็น คำกล่าวหาเลื่อนลอยที่ เอาคำกล่าวหาต่างๆ มายำรวมกัน เพื่อสร้างสูตรสำเร็จในการกำจัด ทักษิณ และ คนใกล้ชิด

เมื่อ สูตรสำเร็จ เริ่มจางลง ไร้ทิศทาง ไร้จุดมุ่งหมาย พวก สมุนอำมาตย์ ล้าหลังจึงต้อง ดึงฟ้าต่ำ สร้างข้อกล่าวหา ปฏิณญาฟินแลนด์ ขึ้นมาเพื่อ สร้างสถานการณ์ให้มันล่อแหลม ตึงเครียด และ บั่นทอน พลังของประชาชน ที่ต่อต้านระบอบอำมาตยา อภิสิทธิ์ชน และ พันธมาร เมื่อเวลาผ่านไป ความจริง ก็ ปรากฏให้เห็นว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ เมื่อ รัฐบาลขิงแก่ มีอำนาจ ก็ ไม่มีใครทำอะไรกับเรื่องนี้ มาจนถึงวันนี้ ก็ ไม่มีใครทำอะไร กับเรื่องนี้ แม้แต่หลักฐาน หรือ พยาน ก็ ไม่มีปรากฏให้เห็น


ต่อมามีการ อ้าง ถึง แผนตากสิน อ้างไปอ้างมา กล่าวหาศัตรูทางการเมือง โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ชน สมุนอำมาตย์ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำอะไรก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จนถึงการสลายการชุมนุม ในช่วงเมษาเลือด ที่ผ่านมา แกนนำคนเสื้อแดงหลายคนเข้ามอบตัว และ ถูกคุมขังโดยทหารเป็นเวลาพอสมควร แต่ก็ไม่เห็นมี สมุนอำมาตย์ ตัวไหน ออกมา ชี้แจงว่า ล้มแผน ตากสิน สำเร็จ ตอนที่ คุณ วีระ หมอเหวง และ คุณ ณัฐวุฒิ เข้ามอบตัว ไม่มีใคร ฟ้องร้องแกนนำเรื่อง แผนตากสิน ไม่มีใครใส่ใจ สนใจเปิดโปงแผนตากสิน เลยแม้แต่คนเดียว

วันนี้ สมุน ทรราช อำมาตยา อภิสิทธิ์ชน ออกมาตีปี๊ป อีกแล้ว เป็นภาคต่อ โดยอ้าง หน่วยข่าวกรอง ซึ่งไม่เคยกรองอะไรได้ซักอย่าง จึงเป็นที่มา ของ แผนตากสิน 2 ซึ่ง นีโอ ก็ ลองพิจารณาและอ่านดูคร่าวๆ แล้ว ก็ รู้สึกเหมือนเดิม คือ พวกสมุนอำมาตย์ เลอะเทอะ พวกนี้ไม่มีผลงาน เลยต้องหาเรื่องคนอื่น ประกอบกับ การชุมนุมที่จะมาถึงของคนเสื้อแดงในวันที่ 27 นี้ ซึ่ง พวก ทรราชอำมาตยา อภิสิทธิ์ชน กลัวที่จะต้องสูญเสีย ฐานมวลชน จึงต้องออกมาเล่นละคร เพื่อรักษาฐานมวลชนของตนไว้

หากเราลองพิจารณากันดูดีๆ แล้ว ไม่ว่า คนเสื้อแดงบางกลุ่ม แนวร่วมบางสาย หรือแม้แต่แกนนำส่วนกลาง จะมีแผนการ อะไรออกมา เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ ก็ตาม

นีโอ ไม่เห็นว่า มันมีความจำเป็นใดๆ ที่เราจะต้องกังวล เพราะที่ผ่านมามันพิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าคนเสื้อแดง ตั้งใจจะทำเลวทำชั่ว ทำสิ่งผิดกฏหมาย แล้วละก็ พวก ทรราช สมุนอำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน คงจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเราอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้


สิ่งที่ชัดเจน ก็ คือ เรื่องแผนการต่างๆเหล่านี้ ถึงมือสื่อมวลชน โดยพวก ทรราช สมุนอำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน ทั้งสิ้น และนั่นเป็นเหตุผล ว่า ทำไม เวลาของคนพวกนั้น เหลือน้อยลงทุกที เพราะเมื่อเหลือเวลาน้อยลงเท่าใด ก็ ยิ่งต้องดิ้นรน สาดโคลนใส่ผู้อื่น ตะเกียกตะกาย เพื่อให้ตนเอง และ พรรคพวก อยู่รอด


พวกเราลองมา พิจารณา แผนตากสิน2 ที่ พวก ทรราช สมุนอำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน พันธมาร กำลังตีปี๊ป กันดูครับ ลองดูว่า คำกล่าวอ้างเลื่อนลอย อีกครั้ง เป็นอย่างไร

อ้างว่า คนเสื้อแดงจะสร้างความขัดแย้งภายในชาติ

เมื่ออ้างว่า คนเสื้อแดงจะสร้างความขัดแย้งภายในชาติ นั้น ก็ ชัดเจนว่า คนเสื้อแดง ขัดแย้งกับ พวก ทรราช สมุนอำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน พันธมาร เท่านั้น ไม่มีความขัดแย้งกับคนทั่วไป

อ้างว่า คนเสื้อแดงจะบังคับให้ใช้ รัฐธรรมนูญ ฉบับที่ หมอเหวง นำเสนอ

เมื่ออ้างว่า คนเสื้อแดงจะบังคับให้ใช้ รัฐธรรมนูญ ฉบับที่ หมอเหวง นำเสนอ ก็ ไม่ใช่ประเด็น เพราะ หมอเหวง รวบรวมเสียงสนับสนุน เข้าออกตามประตู ไม่มีอะไรที่ขัดรัฐธรรมนูญ

อ้างว่า คนเสื้อแดงจะใช้ สื่อกระบอกเสียง เช่น ทีวี หนังสือพิมพ์ ของคนเสื้อแดงในการปล่อยข่าว

ส่วนที่อ้างว่า คนเสื้อแดงจะใช้ สื่อกระบอกเสียง เช่น ทีวี หนังสือพิมพ์ ของคนเสื้อแดงในการปล่อยข่าว ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ในเมื่อรัฐ ควบคุมสื่อกระแสหลักอยู่ ดังนั้น คนเสื้อแดงก็ต้องอาศัย กระบอกเสียงของตน และสื่อต่างประเทศ

อ้างว่า คนเสื้อแดงจะทำให้ พรรคร่วมแตกคอกัน

ส่วนที่อ้างว่า คนเสื้อแดงจะทำให้ พรรคร่วมแตกคอกัน อันนี้ ยิ่งฟังไม่ขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องคอย ตรวจสอบการทุจริต คอรัปชั่นของรัฐบาล รวมไปถึง พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งมีอำนาจอยู่ในมือ

คนเสื้อแดงจะ ขยายผลสร้างข้อพิพาท ระหว่างประเทศ

ส่วนที่อ้างว่า คนเสื้อแดงจะ ขยายผลสร้างข้อพิพาท ระหว่างประเทศ เช่น สามจังหวัดชายแดนใต้ เขาพระวิหาร และ ชนกลุ่มน้อยในพม่า อันนี้ ก็ ชัดเจนว่า เป็นเรื่องที่พยายามป้ายสี คนเสื้อแดง เพราะ คนเสื้อแดง ไม่มีกำลังทหาร อยู่ในมือ แต่รัฐบาลมีกองทัพ ทั้งกองทัพ มีรัฐมนตรีต่างประเทศ ปากดี และ มี หน่วยสืบราชการลับ อยู่ในมือ ดังนั้น เหตุการ ภาคใต้ เขาพระวิหาร ชนกลุ่มน้อยจากพม่า จึง เป็นหน้าที่รับผิดชอบของรัฐบาลโดยตรง ไม่ใช่ ความรับผิดชอบของ คนเสื้อแดง

อ้างว่า คนเสื้อแดงพยายาม แปล ความแค้นเมื่อเดือนเมษา ให้เป้นพลัง เพื่อปลุกมวลชน

ส่วนที่น่าขำที่สุด คือ อ้างว่า คนเสื้อแดงพยายาม แปล ความแค้นเมื่อเดือนเมษา ให้เป้นพลัง เพื่อปลุกมวลชน ตามหัวเมืองต่างๆเข้ามาล้มรัฐบาล อันนี้ น่าขำ ประชาชนเค้าชัดเจนว่า รัฐบาลต้องไป เพราะ รัฐบาลสองมาตรฐาน ไม่ยุติธรรม ไม่ได้ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใส่ใจความเดือดร้อนของประชาชน ไม่จริงใจ แค่นี้ ก็ เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่ประชาชนเค้าจะออกมาขับไล่

วันนี้ ชาวนา ชาวบ้าน ผู้ใช้แรงงาน เริ่มรู้สึก มองเหยียดๆกันแล้วว่า ทำไม พวก ทรราช สมุนอำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน พันธมาร มันถึงชอบตีปี๊ป เรื่องโง่ๆ ไม่รู้จักโต ไร้อุดมการณ์ กันได้ถึงขนาดนั้น มันจะมีแผนการอะไรน่าเป็นห่วง ว่าจะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และ ประชาชนมากไปกว่าการดำรงอยู่ ของ ระบอบ ทรราช สมุนอำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน พันธมาร อยู่อีกหรือ ...

Wednesday, June 24, 2009

แปรรูปรัฐวิสาหกิจ จากอีกหนึ่งมุมมอง

แปรรูปรัฐวิสาหกิจ จากอีกหนึ่งมุมมอง

สืบเนื่องมาจาก อำนาจในการต่อรอง ของ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ที่มีอยู่ในมือ ซึ่งสามารถ และมีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนไปทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้า ประปา รถไฟ รถเมล์ ต่างก็เป็นองค์กรของรัฐ ซึ่งใช้งบประมาณจากภาษีประชาชน และ มีลูกค้า หรือ ผู้บริโภคเป็นประชาชนเช่นกัน การที่ประชาชนจะทวงคืน องค์กรเหล่านั้น เป็นเรื่องยาก จนแทบจะเป็นไปไม่ได้ในเวลาปัจจุบัน แต่ผมจำเป็นต้องพูดถึง เมื่อ สหภาพแรงงาน ต่างออกมาอาละวาด ฟากงวงฟาดงา ขอขึ้นเงินเดือน เดือนละ 2,000 บาท ต่อคน และ ออกมาเรียกร้องต่อต้าน มติ ครม. ด้วยการปิดการให้บริการเดินรถไฟ จนรัฐบาลต้องยอม ถึงแม้ผู้เขียน จะแสดงตนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก็ จำเป็นที่จะต้องรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมา

สำหรับผมแล้ว ผมไม่ขัดเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ให้เป็นบริษัทมหาชน ผมว่าถึงเวลาแล้วด้วยซ้ำ ที่เราจะต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจบางประเภท โดยเฉพาะ รถไฟไทย และ ขสมก. อันเนื่องมาจากการขาดทุนสะสม และ ความสามารถในการแข่งขันขององค์กร รัฐวิสาหกิจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลชุดไหนก็ตามที่พยายาม แปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้น ต้องโดนต่อต้านอยู่เรื่อยไป


สิ่งที่น่าหนักใจที่สุด คือ ข้อกล่าวหาว่า ขายทรัพยสินของชาติ ซึ่งเป็นทัศนคติ ที่ล้าหลัง คร่ำครึ เพราะการแปรรูปนั้น มีหลากหลายวิธีการ หลากหลายแนวทาง การที่จะมาอ้างว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้นเป็นการขายสมบัติชาติ มันจึงเป็นเรื่องเกินจริง การที่ รัฐวิสาหกิจ จะรวบรวมทุนนั้น จำเป็นจะต้องขายหุ้น ซึ่ง คนอาจจะกลัวว่า เราจะต้องไปขายหุ้นเหล่านี้ให้บริษัทต่างชาติ หรือชาวต่างชาติ ทำให้ชาวต่างชาติเข้ามาครอบงำการบริหารงานธุรกิจ หรือ องค์กร รัฐวิสาหกิจของไทย ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องจริงเสียทั้งหมด ความจริงก็คือ รัฐบาล ยังสามารถเป็นเจ้าของผู้ถือหุ้นอยู่ได้ ไม่ต่ำกว่า 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ส่วนอีก 49% นั้นเรายังสามารถเลือกที่จะขายให้แก่ ประชาชนคนไทยได้ โดยไม่ต้องให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อ อย่างนี้จะเรียกขายทรัพสมบัติของชาติได้อย่างไร หรือการขายหุ้นรัฐวิสาหกิจให้ กองทุนของไทยต่างๆ เช่น กองทุนบำเน็จบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เหล่านี้ หุ้นส่วนใหญ่ ก็ยังคงเป็นของคนไทย หรือเพื่อความมั่นใจ เราก็ตั้งกฏ กันไปเลยก้ได้ ว่า หุ้นเหล่านี้ ซื้อแล้ว ห้ามขาย ให้ขายคืนแก่รัฐบาลได้อย่างเดียวเท่านั้น อย่างนี้ ข้อกล่าวหาว่าขายทรัพสมบัติของชาติ ก็ เป็นเพียงเรื่องตื่นตระหนกเกินไปเท่านั้นเอง

ผลดีที่เราจะได้จากการแปรรูปคือ ระบบการทำงานแบบ ราชการ สมัยเก่า จะถูกแทนที่ โดย ระบบการทำงานแบบองค์กร ธุรกิจสมัยใหม่ และ พนักงานที่ทำงานในองค์กร เหล่านี้ ก็ จะต้องปรับตัว และ สร้างผลงาน เพื่อตนเองและเพื่อประชาชนคนไทยอย่างชัดเจน ข้อแตกต่างระหว่าง บริษัทเอกชน และ องค์กรข้าราชการ คือ เมื่อพนักงานในองค์กร เอกชน ไม่มีผลงาน หรือผลงานไม่ดีพอ นายจ้างก็สามารถที่จะจ้างพนักงานเหล่านั้นออกได้ แต่ในระบบรัฐวิสาหกิจ ปัจจุบันนั้น การไล่พนักงานออก มีเหตุผลเดียวคือ เขาทำ ทุจริต ผิดกฎหมาย เท่านั้นจึงจะไล่ออกได้ ถ้าเขาเกียจคร้าน หรือ สร้างความวุ่นวาย นายจ้างคือประชาชนผู้เสียภาษี ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนเป็นที่มาของกลอน ล้อเลียน พนักงานรัฐวิสาหกิจ ดังนี้

งานมาก กู ก็เบื่อ
งานเหลือ กู ก็เกลียด
งานละเอียด กู ก็งง
บอกตรงๆ กู ขี้เกียจจจจจ


หากจะอ้างว่า ใน อนาคต ถ้าแปรรูปไปแล้ว รายได้ของรัฐวิสาหกิจ จะไม่เข้ามาที่ส่วนกลาง และ รายได้จะไม่ถึงมือประชาชน ก็ เป็นเรื่องที่ ขัดกับความเป็นจริง เพราะทุกวันนี้ รายได้ ก็ยังไม่พอ จนรัฐบาลต้องให้งบเพิ่มทุกปี หากในอนาคต มีกำไรขึ้นมา ขณะที่ ได้มีการแปรรูปไปแล้ว แน่นอน บริษัท ต้องเสียภาษีส่วนหนึ่ง ซึ่งแน่นอน เงินภาษีเหล่านี้เข้ารัฐโดยตรง อีกทั้งยังมีเงินปันผล ที่จ่ายให้อีก ถ้ามีกำไร รัฐบาลที่ถือหุ้น 51% ก็จะได้เงินปันผล ประชาชนคนไทยทั่วไป ก็จะได้เงินปันผล ผมไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหายตรงไหน แถม ประชาชน ยังมีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น กำหนดทิศทางการทำงานของรัฐวิสาหกิจได้อีก

เมื่ออ้างว่า ถ้าในอนาคต มีคนขายหุ้นเหล่านั้นให้ชาวต่างชาติ คนไทยที่ขายได้เงิน ชาวต่างชาติ ก็จะเข้ามาครอบงำ ผมก็ไม่เห็นว่าจะป้องกันยากอย่างไร เมื่อ ชาวต่างชาติ ไม่มีสิทธิ ในการโหวต หรือ ลงคะแนน ในการกำหนดทิศทางการบริหาร ในองค์กร เหล่านี้อยู่แล้ว

เมื่ออ้างว่า กลัว รัฐวิสาหกิจ จะตกไปเป็น ของกลุ่มทุนใดกลุ่มหนึ่ง หรือนักการเมืองที่มีอิทธิพล ผมก็เห็นว่าฟังไม่ขึ้น เพราะ นักการเมืองมีข้อจำกัดทางด้านกฏหมาย ไม่ให้ถือหุ้นในบริษัท ที่มีสัมปทานอยู่กับรัฐ ส่วนเรื่องกลุ่มทุนในประเทศจะมาครอบงำ เราก็แก้ปัญหาได้ด้วยการ กระจายหุ้นให้เท่าเทียมกัน และอาจจะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมในเรื่องปริมาณการถือครอง หรือการขายต่อ

เมื่ออ้างว่า การแปรรูปจะทำให้ สถานภาพ ของ พนักงาน ไม่มั่นคง ก็ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน เพราะ ในบริษัท หรือ โรงงาน เอกชนหลายแห่ง สหภาพแรงงานยังคงมีอำนาจต่อรองสูง เหมือนเดิม แต่การต่อรองจะเปลี่ยนรูปแบบไป เช่น ขอเงินเดือนเพิ่ม เดือนละ 2,000 บาท ต่อคน แลกกับ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขึ้น 10% เป็นต้น ซึ่งมันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ฟังขึ้น มากกว่า การขอเงินเพิ่ม แลก กับการไม่ต้องหยุดให้บริการ

เอาเข้าจริงๆ ถ้าแปรรูปไปแล้ว การตรวจสอบจะทำได้ง่ายขึ้น การคอรัปชั่นจะทำได้ยาก ส่วนบริการจะได้รับการปรับปรุงอย่างรวดเร็ว ลดปัญหาเรื่องเส้นสายลงได้บ้าง รัฐบาลก็จะไม่ต้องเก็บภาษี เพื่อนำมาชำระหนี้รัฐวิสาหกิจ รวมไปถึง รายได้จากภาษี ขององค์กร เหล่านี้ เวลาที่มีกำไร

แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่ขาดทุน คือจุดเริ่มต้นที่เราควรเรียกร้อง

Tuesday, June 23, 2009

จับตา แปรรูปรถไฟไทย-สส.ถือหุ้น-พันธมิตรขัดขาภูมิใจไทย

จับตา แปรรูปรถไฟไทย-สส.ถือหุ้น-พันธมิตรขัดขาภูมิใจไทย

ผู้เขียนหลายคนเคยเปรียบเทียบ ว่ารัฐบาล เปรียบเหมือน หัวจักรไอน้ำที่จะคอยนำพาขบวน ซึ่งเปรียบเสมือนประเทศชาติและประชาชน มุ่งไปข้างหน้า ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ว่า รัฐบาลนั้นเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้

แน่นอนครับ พระเอกของท้องเรื่องย่อมต้องเป็นพี่มาร์ค ซึ่งเป็นผู้นำขบวน และคนที่ขึ้นขบวนมาด้วย ก้ ต้องมี พรรคภูมิใจไทย และ พันธมิตร วันนี้ เนฟีโน่ จะเลี้ยวซ๊าย พันธมาร จะเลี้ยวขวา แล้วพี่มาร์ค จะไปตรงก็ไม่ได้ เพราะมันไม่มีทางให้ไป หากเลี้ยวซ้ายไปกับ เนฟีโน่ แปรรูป รถไฟไทย แปรรูปรัฐวิสาหกิจแล้ว พันธมาร คร่ำครึ ย่อมไม่ปล่อยให้เลี้ยวไปเฉยๆ และ คงขัดขวางเต็มกำลัง แต่ถ้าเลี้ยวขวาไปกับพันธมาร แล้ว พรรคภูมิใจไทยอาจจะกระโดดหนี ลงจากขบวนรถไฟ ทำไมมันช่างตัดสินใจยากเช่นนี้


หลังจากที่ กรุงเทพฯโพล พยายามกันอย่างสุดความสามารถแล้ว คนใหญ่คนโต ก็ พยายามเชียร์แล้วเชียร์ อีก แต่ผลงานของรัฐบาลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามันเข้าตาประชาชนซะจน สอบตก ได้คะแนนไปแบบหวือหวา ซึ่งประชาชนให้ความพึงพอใจ ไป 4.06 จากคะแนน เต็ม 10 นีโอ เลยลองมานั่งดูว่า มันมีปัจจัยอะไร ที่เรียกคะแนน ให้รัฐบาลไปได้เยอะแยะมากมายเช่นนี้ (ก๊ากกกกก)

นอกจากคะแนน ความพึงพอใจแล้ว โพล ยังสำรวจด้วยว่า กระทรวงใดที่ประชาชนมีความเคลือบแคลง สงสัยเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน มากที่สุด ผลออกมา ว่า เป็นกระทรวงคมนาคม และ กระทรงการคลัง รวมกันเป็น 58.8% หรือ ร้อยละ 58

เมื่อถามว่า มีความมั่นใจว่าในช่วง 6 เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศ รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ ได้นำพาประเทศ เดินไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ พบว่า ประชาชนให้เสียง สนับสนุนหนาแน่น ด้วยการให้คะแนน เชื่อว่าไม่ถูกต้อง และ ไม่แน่ใจ รวมกันเป็น 66.3 % หรือ ร้อยละ 66

เมื่อได้คะแนนมากมาย ท่วมท้น เช่นนี้ รับบาลก็ไม่ต้องคิดมาก ตั้งหน้าตั้งตา บริหารเงินกู้ต่อไป และ สัปดาห์นี้ ผลงานเด็ดๆ ที่รัฐบาลกำลังจะสร้าง จะมีประเด็นดังต่อไปนี้

ผลงานดีเข้าตาประชาชน เมื่อ นโยบาย กู้สิบทิศ ถูกหยิบมาใช้งาน หรือ กู้ไว้ก่อนพ่อสอนไว้ หรือ กู กู่ กู้ ก็ตามแต่ น่าจะเป็นประเด็นที่ทำให้ประชาชน ออกมาให้คะแนน สูงถึง 4 เต็ม 10

ผลงานดีเข้าตาประชาชนจังเบ้อเริ่ม เมื่อ นักรบ เขมร ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ว่า ยินดีรบกับไทย ถ้ามีปัญหาเรื่องเขาพระวิหาร ส่วนปัญหาภาคใต้ ก็ยัง คาราคาซัง ล่าสุดให้ ศอ. บต. ขึ้นตรงกับ กอ. รมน. ก็มาดูกันต่อไปว่าจะเป็นยังไง


ผลงานดี จนมี พี่น้อง สหภาพแรงงาน ออกมา ประกาศ ลาป่วยมากจน รถไฟไทย ต้องหยุดให้บริการ

เรื่อง สหภาพรถไฟ นี่ ต้องคุยยาวหน่อย เพราะมีคนเคยรัก อย่าง พันธมิตร พันธมาร อันธพาล หนุนหลังอยู่ ถ้าอัดจน กลุ่มเพื่อนเนวิน ล้มได้ รัฐบาลก็อาจจะไม่รอดเช่นกัน เมื่อวานนี้ แกนนำกลุ่มพันธมิตร 16 จังหวัด ภาคใต้ ออกแถลงการณ์ สนับสนุน ให้ พี่น้อง สหภาพรภไฟ ร่วมใจกัน ลาป่วย เพื่อต่อสู้กับรัฐบาล หลักฐานมันชัดเจน อยู่อย่างนี้ ตอนแรก ดันกันจนได้เป็นรับบาล พอ ผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็ ออกมาซัดกันซะงั้น พอมาวันนี้ ตอนสายๆ สารพัดม๊อบ สหภาพ กว่าพันคนก็ไป ออ กันที่หน้า ทำเนียบ

มันได้จังหวะ กับ การวินิจฉัย สถานะ ของ 61 ส.ส. พอดี หลังจากที่ ส.ว. 16 คนถูก กกต. วินิจฉัยไปแล้ว ว่า ขาดคุณมสบัติ ซึ่ง สส. ส่วนใหญ่ ที่กำลัง ถูกวินิจฉัยนั้นส่วนใหญ่ อยู่ฝ่ายรัฐบาล รวมทั้งที่เป็นรัฐมนตรี กว่า 6 คน

รัฐบาล ลุ่มๆดอนๆ แบบนี้ จะรอดต่อไปอีกซักกี่น้ำ

Monday, June 22, 2009

กู้เงินเป็น แต่ กู้เศรษฐกิจไม่เป็น: ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม

กู้เงินเป็น แต่ กู้เศรษฐกิจไม่เป็น: ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม

หลังจากที่พี่ มาร์ค แจกเงิน เป็นเช็คช่วยชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกับเงินอัดฉีดกองทุนหมู่บ้าน และ โครงการเรียนฟรี อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายชัดเจนว่าต้องการจะกระตุ้นเศรษฐกิจ และ พยุงกำลังซื้อของภาคประชาชน แต่ดันออกนโยบายขัดขาตัวเองด้วยการขึ้นภาษี สรรพสามิตน้ำมัน เป็นการลดกำลังซื้อของประชาชน และ ขัดขวางการกระตุ้นเศรษฐกิจของตัวเอง

วันนี้ วุฒิสภาฯ ลงมติไม่เห็นชอบ ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2552 ดังนั้น พี่ มาร์ค กับ เสี่ยกรณ์ จึงต้องอดขึ้น ภาษีน้ำมันอีกระลอก วันนี้ วุฒิสภาฯ ทั้ง 58 คนที่ลงมติไม่เห็นชอบจึง แสดงบทพระเอกได้โดนใจประชาชนจริงๆ


วันนี้ คำกล่าวหาที่คนเสื้อแดง บ่นให้ฟังว่ารัฐบาลนี้ กู้เก่ง แต่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่เป็น จึงเริ่มแสดงออกมาให้ประชาชนได้เห็นว่า เด็กสองคนกำลังเล่นขายของอยู่ หรือ อย่างไร

เรื่องอัตราการว่างงาน ก็ เช่นกัน รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนใดๆออกมา ว่าจะสร้างงานอย่างไร จะช่วยคนตกงานอย่างไร

เรื่องการท่องเที่ยว และ การส่งออก ก็ ยังไม่เห็น มีผลการศึกษาใดๆ ออกมาว่าจะช่วยเหลืออย่างไร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร และ จะแก้ปัญหา ระยะกลางและระยะยาวอย่างไร อันนี้ ก็ ไม่ชัดเจน

เรื่องการลด หรือ การยืดเวลา ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นน้อย เช่นการซื้อเครื่องบินรบ กริพเพ่น ที่ไม่รู้จะเอาไปรบกับใคร และ การซื้อรถถังหุ้มเกราะ เอามาเฝ้าม๊อบ ก็ยังไม่มีใครฟันธงว่า จะชะลอ ออกไปหรือไม่

การทำผิดวินัยการคลัง เช่นเรื่องการกู้เงิน แล้วนำไปใช้จ่ายในรายจ่ายประจำเกิดขึ้นแล้ว โดยการผ่าน พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาท แรก ทั้งๆที่วินัยการคลังเป็นสิ่งที่ พี่มาร์ค และ พรรคพวก คอยด่าคนอื่นเรื่องวินัยทางด้านการเงินการคลัง มาโดยตลอด หรือว่า ลืมไปแล้ว ว่า เงินกู้ ควรจะเอาไปลงทุน ไม่ควรเอาไปใช้จ่ายใน ร่ายจ่ายประจำ

สิ่งที่ชัดเจนในวันนี้ คือ คนไทยทุกคน ทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง ฝ่ายค้าน ฝ่ายรับบาล ต่างก็หวังเป็นฮย่างยิ่งว่า เศรษฐกิจ และระดับ การเจริญเติบโตของ GDP จะกลับมาอยู่ในแดนบวก ซึ่ง จะช่วยให้ รัฐบาลไม่ต้องไปกู้เพิ่มอีกในปี 2553 เนื่องจาก นโยบายการกระตุ้น เศรษฐกิจ ระยะที่สองของรัฐบาลนั้นได้ถูกคาดการณ์ โดย ธนาคารแห่งประเทศไทยเอาไว้แล้วว่า ในปี 2553 จะทำให้เกิดงบประมาณขาดดุลอยู่ ที่ 6% ของ GDP ซึ่งมาตรฐานปกติ ไม่ควรอยู่เกินร้อยละ 2 หรือ 2% ของ GDP

ทั้งนี้ เราไม่เคยดูถูก หรือ มองข้าม ศักยะภาพในการกู้เงิน ของ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเรามั่นใจว่ากู้เก่ง มีเครดิตดี แต่สิ่งที่เราสงสัยคือ จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เป็น หรือจะ ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาอยู่ในแดนบวก ได้หรือไม่

วันนี้ ถ้าไม่มีการรัฐประหาร การยึดสนามบินเมื่อ สองปี หรือ ปีที่แล้ว ประเทศไทยคงจะเป็นประเทศผู้ให้กู้ แทนที่จะเป็นประเทศผู้กู้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อ้างอิง
1. วินัยการคลัง โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย
http://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/DocLib_/article17_06_09.pdf

2. Are Hopes on Fiscal Stimulus too high? โดยธนาคารแห่งประเทศไทย
http://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/DocLib_/article16_06_09.pdf

Sunday, June 21, 2009

สมานฉันท์ แท้จริง ต้องมีคนยอม - วันนี้ ข้า ไม่ยอม

สมานฉันท์ แท้จริง ต้องมีคนยอม - วันนี้ ข้า ไม่ยอม

หากเราพูดถึงคนสองคนทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย พอมีคนที่สามมาเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ คนที่สามจึงต้องพยายาม ไกล่เกลี่ย และ แสวงหาจุดร่วมที่คู่กรณีทั้งสองฝ่าย สามารถตกลงยอมกันได้ เพื่อให้คู่กรณี เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือ วิน-วิน (win-win) ทั้งคู่ ดีไม่ดี ผู้ไกล่เกลี่ยอาจจะวิน ไปด้วย คือ ได้ประโยชน์ไปด้วย เช่น ไม่ต้องมานั่งฟังคนทะเลาะกันอีกต่อไป




ทีนี้เราลองมาดู สถานการณ์ความขัดแย้งในเมืองไทยกันครับ ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น มีสาเหตุเกิดมาจาก อำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน อยากกลับมามีอำนาจอีกครั้งโดยการล้ม อำนาจของประชาชน แต่ฝ่ายประชาชนก็ไม่ยอมแพ้โดยง่าย ถึงแม้ จะเป็นฝ่ายที่ยอมเสียเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่อดีตกาล มาจนถึง ปัจจุบัน ก็ตาม

วันนี้ มีข่าววางระเบิด ที่ สกลนคร ถึง 2 จุด เพื่อขัดขวางการปราศรัยโค้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย คนที่เสียประโยชน์โดยตรงเห็นจะเป็น ผู้ สมัคร สส. จากพรรคเพื่อไทย ที่กำลังจะปราศรัย หาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย นอกจากเรื่อง ระเบิดสองจุดแล้ว สิ่งที่น่าสังเกต เห็นจะเป็น จำนวนประชาชนที่ มาเลือกตั้งล่วงหน้ามากเป็นประวัติการณ์

กลับมาที่เรื่องสมานฉันท์ เราต้องถามตัวเองก่อนว่า สิ่งที่เราเรียกร้องตอนนี้ เรา หรือ พวกเรา ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป จะยอมให้ ได้หรือไม่ สิ่งที่เราเรียกร้อง มันเหนือบ่ากว่าแรง และ หรือ เป็นโทษ แก่สังคม และ ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศหรือไม่ เราจะยอมแพ้ให้แก่อำนาจเผด็จการ อำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน แบบไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกครั้งหือไม่

เรื่องแรก คือ การเรียกร้อง ให้มีการแก้ รัฐธรรมนูญ ที่มีที่มาจาก คณะรัฐประหาร ซึ่งเราเรียกร้องให้ มีการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ให้ สว. หรือ สมาชิกวุฒิสภาฯ มาจากการเลือกตั้ง ให้ยกเลิก โทษยุบพรรค ลอง พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ข้อนี้ เราคงยอมให้ไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบัน มีหลายจุด ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มีที่มาไม่ชอบด้วยระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย แถมยังมีบทอภัยโทษให้ คณะรัฐประหารอยู่อีกด้วย ข้อนี้เรายอมไม่ได้จริงๆ รัฐธรรมนูญต้องแก้

เรื่องที่สอง คือ การเรียกร้องความยุติธรรม ไม่เอาระบบสองมาตรฐาน และ ประชาชนทุกคนย่อมต้องเท่าเทียมกัน หลังจากที่ในหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงเลิกทาส เป็นการถาวรแล้ว เราคงมิยอมให้ อำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน มีอภิสิทธิ์เหนือประชาชนทั่วไปได้อีก ใครที่ทำผิดกฎหมายย่อมต้องรับผิดชอบในการกระทำโดยเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ ใครยึดสนามบิน ย่อมสมควรรับโทษตามที่กฎหมายกำหนด อย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกัน เมื่อคนทั่วไป มี สิทธิในการ อุทธรณ์ ฎีกา ก็ย่อมต้องมีสิทธิ นั้นอย่างเท่าเทียมกัน เรื่องนี้เราคงยอมไม่ได้ เราคงไม่ยอมกลับไปเป็นทาส อำมาตย์ และ อภิสิทธิ์ชน ทั้งในรูปแบบของการใช้ กฎหมาย และ การใช้อำนาจรัฐ คอยควบคุมเราให้ห่างจากสิทธิ และ เสรีภาพอันชอบธรรม

เรื่องที่สาม คือ การเรียกร้อง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนโดยทั่วไป เมื่อเราเลือกตัวแทนเข้าไปบริหารราชการแผ่นดินให้เรามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เมื่อคนส่วนใหญ่เห็นตรงกัน ก็ไม่สมควรให้ใคร เอารถถัง เอาปืนเอ็มสิบหก มาขับไล่ให้คนที่เราเลือกแล้ว ด้วย เหตุผลทั้งปวง เรื่องนี้ ก็ ยอมไม่ได้อีกเช่นกัน




มีอีกหลายเรื่อง ที่เราเรียกร้อง เมื่อถามว่าใครจะยอมก่อน สังคมจึงจะสงบสุข ก็ได้แต่บอกไปตามตรงว่า วันนี้ประชาชนยอมไม่ได้ เพราะเรายอมมามาก เรายอมให้ ชนชั้นนำสร้างความเสียหายให้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความชอบธรรม ในสิทธิและเสรีภาพของเราต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่นาทีเดียว สุดท้ายเราเรียกร้องให้ รัฐบาล สมุนอำมาตย์ ญาติ อภิสิทธิ์ชน คืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ปวงชนชาวไทย ให้คนไทยทั้งชาติตัดสินกันเอาเอง

ข้าไม่ยอมแล้ว เอ็งต้องยอมบ้าง สมานฉันท์ จึงจะเกิดได้

Saturday, June 20, 2009

การผลักดัน การเลือกตั้งทั่วไป สำหรับ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

การผลักดัน การเลือกตั้งทั่วไป สำหรับ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

วันนี้ นีโอ ขอเริ่มที่เรื่องเบาๆ ในหัวข้อ ของฝั่งปีกการเมืองของคนเสื้อแดงในสภากันก่อนนะครับ หลังจากที่เคยเกริ่นไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า พรรคเพื่อไทย สมควรจัดให้มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคใหม่เป็นการทั่วไป โดยเปิดให้ สมาชิกพรรคที่เป็นประชาชนทั่วไป ได้มีสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคการเมืองโดยตรง โดยอาจจะคิดเป็นคะแนน 90% หรือ 80% ของคะแนนเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และให้ สมาชิกพรรคที่เป็น สส. เลือกตั้งหัวหน้าพรรค โดยให้คิดเป็น 10% หรือ 20% ของคะแนนเลือกตั้งทั้งหมด

ทำไม ผมถึงคิดว่า ควรจะมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นการทั่วไป ซึ่งจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายมากพอสมควร ทั้งนี้ การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคโดยบุคคลทั่วไป หรือ สมาชิกพรรคที่เป็นประชาชนทั่วไปจะแสดงให้สังคมเห็นชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง อีกทั้งผู้ที่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะถือว่ามีความชอบธรรม ที่จะเป็นผู้นำของ สมาชิกสภาผู้แทนคนอื่นๆ ที่มาจากประชาชนเช่นกัน และ การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคโดยประชาชนทั่วไป เป็นการสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย จากชนชั้นล่างขึ้นมาสู่ชนชั้นนำอย่างแท้จริง สุดท้าย การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคโดยบุคคลทั่วไป จะแสดงให้คนไทยทั้งประเทศให้เห็นถึงความชอบธรรมของหัวหน้าพรรคคนใหม่ ในการบริหารพรรค โดยจะสามารถ ลดข้อครหาต่างๆจากศัตรูทางการเมืองลงได้มาก

นีโอ ลองมาดู ว่าใครบ้างที่เหมาะสมที่จะลงสมัครรับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ นีโอ ต้องชี้แจงก่อนว่า ไม่ได้เป็นการเชีย บุคคลใด คนหนึ่งเป็นพิเศษ ซึ่งให้ถือว่าเป็น ข้อคิดเห็นของ นีโอ แต่เพียงผู้เดียว

คนแรกที่อยากกล่าวถึง และ ผม เห็นควรว่าน่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคือ

ร.ต.อ. ดร. เฉลิม อยู่บำรุง


สำหรับคุณเฉลิม คงไม่ต้องอธิบายมากเนื่องจาก ทราบว่า ท่านผู้อ่านส่วนใหญ่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เป็นใคร มาจากไหน ส่วนประสบการณ์ก็ไม่ต้องพูดถึงมาก คือ ยาวนาน ผมเอง เห็น คุณ เฉลิมมาตั้งแต่ตอนผมยังเป็นเด็ก เป็นดาวสภาฯ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ เป็นประธาน สส. ของพรรคเพื่อไทยคนปัจจุบัน ส่วนลีลาการ อภิปราย ไม่ต้องชม ผู้อ่านฟังแก พูดแล้วไม่ง่วงก็แล้วกัน

คนที่สอง ที่อยากแนะนำคือ

พ.ต.ท. สมชาย เพศประเสริฐ

คุณสมชายเคยเป็นข้าราชการตำรวจ และ เป็น สส. มา 6 สมัย ล่าสุดยังได้ข่าวว่า มีการหมายมั่นปั้นมือ จาก คุณทักษิณ ว่าอาจจะช่วยผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ คุณสมชายเอง ก็ได้เปรียบเพราะเป็น คนพื้นที่ภาคอีสาน ที่มีฐาน สส. เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า จะช่วยให้พื้นที่ภาคอีสาน ของพรรคเพื่อไทยเข็มแข็งมากยิ่งขึ้น

คนที่สาม คือ

คุณ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ



คนนี้ ผมเอง แอบเชียอยู่ลึกๆ แต่ว่าในที่สุดถ้ามีการเลือกตั้งก็คงต้องยอมรับเสียงข้างมากว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรค คุณ มิ่งขวัญ มีจุดแข็งในเรื่องของความเยือกเย็น และมีประสบการณ์ในกระทรวงเศรษฐกิจ ซึ่งคน กรุงเทพฯ เองก็นิยม ชมชอบอยู่ไม่น้อย และ เป็น คนที่สามารถ พูดเรื่องๆยากๆให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายๆ อีกทั้งการวางตัวก็สบายๆแต่มีมารยาทดี

คนอื่นๆ ผมคิดว่า เราก็ควรที่จะให้เขา ลงสมัครเข้ารับการเลือกตั้งได้เช่นกัน ยิ่งคนสมัครเยอะยิ่งเป็นประโยชน์แก่พรรคเพื่อไทย เพราะการมีตัวเลือกเยอะนั้น แสดงออกถึงการแข่งขันในระบบโลกเสรีนิยม ที่ประชาชนจะตัดสินใจ ว่าใครเหมาะใครควร และในที่สุด หากมีการผลักดัน การเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทยขึ้นมาจริงๆ พรรคเพื่อไทย ก็ จะเป็นที่จับตามองโดยประชาชนทั่วไป ทั้งฝ่ายที่นิยมชมชอบ และ ฝ่ายที่ไม่นิยม ที่สุด พรรคเพื่อไทย ก็ จะเป็นพรรคแรกที่สร้างบรรทัดฐานการเมืองแบบมีส่วนร่วม ในแบบที่ ยังไม่เคยมีพรรคการเมืองใด เคยทำมาก่อน

Thursday, June 18, 2009

นีโอ หมดมุข

นีโอ หมดมุข :D

ล้อเล่นนะครับ ไม่ได้หมดมุข อะไรหรอกครับ ขอพักวันนึง แล้วรอสรุปภาพรวม ตั้งแต่การ อภิปราย พ.ร.ก. ตามมาด้วย พ.ร.บ. และ งบประมาณ ปี 2553 ติดต่อกัน

โอ้โห กู้ กันจะจะ 8 แสนล้านบาท รวมหนี้ อื่นๆ ที่จะกู้ รวมตัวเลขได้อยู่ที่ประมาณ 1.47 ล้านล้านบาท นะครับ ที่รัฐบาลนี้กำลังสร้างหนี้ให้ประเทศไทย

รวมกับหนี้ที่มีอยู่แล้ว ประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท ตราบใดที่รัฐบาลพี่มาร์ค ยังคงบริหารงานอยู่ ผม เดาว่า หนี้ สาธารณะ ของประเทศไทย จะต้องไต่ไปอยู่ที่ ระดับ หนี้สิน 5 ล้านล้านบาทแน่นอน

ครับ 5 ล้านๆบาท ถ้าเป็นตัวเลขก็ 5,000,000,000,000 บาท ถ้าคิด ดอกเบี้ยเล่นๆ ที่ 1% ต่อปี ก็ ประมาณ 50,000 ล้านบาทต่อปี

เหอๆ ขำไม่ออกจริงๆ

ที่สะดุดใจกว่านั้นไม่ใช่เรื่อง การกู้ครับ แต่ พี่มาร์ค กับ เสี่ยกรณ์ กะว่าเศรษฐกิจ จะโต GDP จะโต และในอนาคตก็จะมีเงินใช้หนี้แน่นอน

แต่ว่า ว่าแต่ พี่ มาร์ค กะ เสี่ยกรณ์ จะไม่หารายได้เข้ารัฐโดยทางอื่นเลยหรือครับ กะ ว่า จะให้ GDP โตแล้วเก็บภาษีให้ได้เยอะๆ แค่นั้นหรือครับ

ถ้าจะกู้ ก็ น่าจะ มีแผนรองรับ ว่าจะชำระหนี้อย่างไรในรายละเอียด อย่างที่ผมเคยเขียนถึงจุดยืน ใน เรื่อง "ให้กู้ แบบมีข้อแม้" ไปแล้ว

จะยังคงคอยตามจับผิด รัฐบาล สมุนอำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน ต่อไปครับ

......................................................................

Wednesday, June 17, 2009

พันธมิตรตั้งพรรค แป๊ะลิ๊ม ต้องประคบหน้าด้วยฝ่าเท้า

พันธมิตรตั้งพรรค แป๊ะลิ๊ม ต้องประคบหน้าด้วยฝ่าเท้า

วันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง ที่แกนนำ พันธมิตร พันธมาร อันธพาล ได้แสดงธาตุแท้แห่งความกระหายอำนาจ วันที่คนเสื้อเหลืองส่วนใหญ่ได้รู้ตัวว่า ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ ถึงแม้นว่า สาวกแป๊ะลิ๊ม หลายคนจะยินยอมพร้อมใจก็ตาม การลงมติตั้งพรรคการเมือง ของพันธมิตรจึงเป็นเพียงการจัดฉาก ลากไป โดยไม่ได้มีความจริงใจ ในการฟังเสียงประชาชน

สำหรับผมซึ่งเป็นคนเสื้อแดง ผมกลับสนับสนุนให้ แป๊ะลิ๊ม ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา เพื่อที่จะได้เปิดเผยความจริงให้แก่สังคมได้รับทราบว่าแกนนำแต่ละคนนั้น เป็น ภาคประชาชนจอมปลอม ผมถึงคิดว่า พวกเขาสร้างภาพและหลอกลวงพี่น้องประชาชนมานาน และ มีหลายครั้งที่ผมได้ยิน แป๊ะลิ๊ม พูดทำนองนี้

"
พ่อแม่พี่น้องครับ หากว่าวันหนึ่ง ผมเสียสัตย์ รับตำแหน่งทางการเมือง เชิญเอาตีนมาไว้ที่หน้าผมได้เลย"

บรรดาแกนนำจะไม่รับตำแหน่งทางการเมือง


ผมคงไม่ต้องเอา ตีนตบ ของ นปช. ที่ผมซื้อไว้ไปละเลงใบหน้าของ ตาแป๊ะบ้าอำนาจหรอกครับ เพราะพี่น้องประชาชนที่เคยหลงเชื่อใจไปช่วยแป๊ะลิ๊ม ประท้วงรัฐบาล คงจะรับหน้าที่นั้นไปก่อนแล้วในทันทีที่ แกนนำพันธมิตร ประกาศ ที่จะตั้งพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ แบร์ฟีท หรือ ตีนเปล่าประชาทัณฑ์ ที่พี่น้องผู้ถูกหลอกจะเอาไปไว้ที่หน้า ของ ตาแป๊ะบ้าอำนาจนั้น ทราบว่ามาจากทั่วสารทิศ และ จากทุกหมู่เหล่า

สิ่งที่สำคัญ ผมไม่ได้ห่วงว่าจะมีใครเอา ตีนไปไว้ที่หน้าแป๊ะลิ๊ม หรือไม่ และก็ไม่ได้ห่วงว่าแป๊ะจะมามีอำนาจในบ้านเมืองเช่นไร ผมเป็นห่วงมากกว่าในเรื่องของ การเมืองใหม่ ที่ไม่มีอะไรใหม่ การเมืองใหม่ที่จะบังคับประชาชนย้อนยุค ไปแอบอิง ชิดใกล้กับอำมาตย์ อภิสิทธิชน ที่ไปยึดสนามบินสร้างความเสียหายหลักแสนล้านแล้ว 6 เดือนก็ยังไม่ถูกดำเนินคดี และ กระบอกเสียงที่อ้างว่าเป็นสื่อซึ่งเลือกข้างโจมตี แบบหยาบคาย อย่างชัดเจน หากลงเลือกตั้งแล้ว พรรคพันธมิตรไม่ได้ สส. ซักคนในสภาฯ มันจะมาปิดสนามบินกันอีกมั๊ย หรือมันจะส่ง ลูกจ้างรายวัน ไปเดินตามด่า ฝ่ายตรงข้ามอีกหรือไม่ อันนี้น่ากังวล

วุฒิภาวะของแกนนำพันธมาร มันเหมือนกับ เด็กหญิงในโรงเรียนอนุบาล ที่เมื่อวานชอบเล่นตุ๊กตา แต่วันนี้กลับใจมาเล่นขายข้าวแกง เพียงแต่ไม่ใช่เด็กอนุบาลธรรมดา มันเป็นอนุบาลปีศาจร้าย ที่เคยหลอกประชาชนไว้ว่า จะทำการเมืองภาคประชาชน จะช่วยให้ประชาชนมีส่วนร่วม มันก็แค่เล่นตุ๊กตา แท้ที่จริงอยากจะเล่นการเมือง เพื่อเข้าสู่อำนาจรัฐ ผมรู้ตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว รัฐบาล สุรยุทธ์ และ รัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่หวังจะให้เป็น นอมินี ดันทำงานไม่เข้าตา แกนนำพันธมาร จนต้องออกมาลุยเอง

ความชอบธรรมในการตั้งพรรคก็แสนจะริบหรี่ ไม่มีแม้แต่การตกผลึกทางอุดมการณ์ที่เป็นที่ยอมรับ ข้ออ้างที่ใช้ก็เลื่อนลอยเหมือนตอนอ้างว่าทำการเมืองข้างถนนเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ คราวนี้ก็อ้างว่าตั้งพรรคการเมืองเพราะการเมืองเก่าอยากให้อยู่แค่ข้างถนน ป๊าดดดดโถ่ อะไรมันจะง่ายขนาดนั้น

สรุปว่า ถ้าพวกเอ็งอยากจะตั้งพรรคก็ตั้งมาเหอะว่ะ อย่ามัวแต่อ้างโน่นอ้างนี่ อยากจะดูน้ำหน้าแต่ละคนจริงๆว่าออกมาเล่นเองแล้วจะเป็นยังไง ที่พูดมาทั้งหมดนี่ สนับสนุนให้ตั้งพรรคนะ อย่าระแวง อย่าไปกลัว

เจ๊ง เป็น เจ๊ง ตาย เป็น ตาย

ใช่มั๊ย ใช่

Tuesday, June 16, 2009

การเมืองภาคประชาชน คนเสื้อแดง

เมื่อ คนเสื้อแดง ต้องเริ่มต้นใหม่

ศึกครานี้ คงไม่อาจจบลงด้วยเวลาอันใกล้ เมื่อผู้นำฝ่ายตรงข้าม เป็นถึงอดีต เพชฆาตหน้าหยก และ ปัจจุบันยังไม่มีอาการเพลี่ยงพล้ำ ให้แก่ นักรบเสื้อแดงแต่ประการใด ถึงเวลาที่คนเสื้อแดงจะต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ ในการกรำศึก เปลี่ยนจาก ชนบทล้อมเมือง โลกล้อมประเทศไทย มาเป็น ยุทธศาสตร์ การศึกแบบพอเพียง

ผู้เขียนเกรงว่า แนวร่วมเสื้อแดง หรือ ท่านที่มีใจกับคนเสื้อแดงจะเข้าใจผิด คิดว่า ผู้เขียนเอาแนวทางพระราชดำริมาล้อเลียน ซึ่งไม่ได้เป็นเช่นนั้น ผู้เขียนกำลังจะอธิบายในรายละเอียดให้ฟัง ยุทธศาสตร์การทำศึกแบบพอเพียง พอเพียงในที่นี้คือไม่สุดโต่งจนเกินไป และไม่ให้ หล่ะหลวมจนเกินไป เพื่อให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข็มแข็งจากภายใน และสามารถที่จะยืนอยู่บนฐานที่มั่นคง ดังนี้

ประเด็นที่ใช้ จะต้องไม่สุดโต่งจนเกินควร เช่น เรื่องคนตาย หากไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีศพ หรือ พบว่าใครตาย ก็ อย่าได้สรุปว่าตาย ให้หันไปเล่นเรื่อง นโยบายการหารายได้เข้ารัฐ ของรัฐบาล หรือไปเล่นเรื่องการทุจริต หรือเรื่องของความผิดพลาดทางกฎหมาย ของรัฐ หรือ แนวร่วมฝ่ายรัฐ

แนวทางที่เดิน ก็ไม่ควรที่จะเดินจนสุดโต่ง เช่น การจะใช้พรรคคอมมิวนิสนำหน้า หรือ จะใช้ทุนนิยมเสรี จนเอียงเกินไป อย่าให้ความสำคัญแก่ แนวร่วมไม่เท่ากัน พึงให้ความสำคัญ กับ royalist ให้มากเท่ากับ communist และให้ความสำคัญ อาวุโส ให้เท่ากับ เลือดใหม่

แนวร่วมที่สร้าง ก็ ไม่ควรเอนเอียง ยังไงซะ แดงรวย แดงไม่รวย ย่อมต้องมีค่าสำหรับเป้าหมายที่ต้องการ จะต้องไม่เปิดศึกหลายทาง อย่าไปดึงคนทำมาหากินมาเป็นข้อต่อรอง อย่าไปเรียกร้องให้ บอยคอต สินค้าของใครต่อใคร ให้ใช้ความอดทน อธิบาย และใช้จุดมุ่งหมายเพื่อชี้แจง ให้ซื้อใจด้วยเหตุและผล

ความเคลื่อนไหวต้องมีแกนนำรับรอง แกนนำต้องมาจากทุกฝ่าย แกนนำต้องฟังแนวร่วมรอบด้าน

อย่าคิดเผด็จศึกเร็ว แต่ ต้องไม่ประมาท

และ สุดท้าย แนวร่วมที่จะเข้ามา พึงยืนอยู่บนความบริสุทธิ์ใจ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

หากทำได้ดังนี้ ผู้เขียนเชื่อว่า สถาบันคนเสื้อแดงเพื่อพัฒนาการเมืองภาคประชาชน จะเกิดขึ้นบนรากฐานที่มั่นคง มีแนวร่วมที่มีคุณภาพ ในปริมาณมาก และหยั่งรากลึกในสังคมไทย

เมื่อคนเสื้อแดง บริสุทธิ์ใจ กรณี ที่ สื่อ ควรรับทราบ

หากเราไปเหมาเอาเองทั้งหมดว่า คนเสื้อแดงทั้งหมด หรือ ความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงทั้งหมด คือ ตัวแทนของทักษิณ คือ ระบอบทักษิณที่พยายามหวนคืนสู่อำนาจ เราคงจะเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย หากเราติดใจเพียงประเด็นที่เกี่ยวกับทักษิณ จนลืมมองถึงความเคลื่อนไหวอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นผลดีแก่ประเทศชาติ และประชาชนจำนวนมาก เราคงจะเห็นแก่ตัวกันจริงๆ

ในความเป็นจริง แน่นอนว่ามีคนเสื้อแดงที่ชอบ และ ศรัทธรา ทักษิณ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด คนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุม โดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องทักษิณ ก็ มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย หลายคนไม่สนใจว่า ทักษิณ จะกลับมาเป็นนายกอีกหรือไม่ หลายคนไม่ใส่ใจว่า ทักษิณ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป และก็เป็นความจริงที่คนเสื้อแดงเหล่านี้ มีอยู่ จริง

จุดยืนของพวกเขาเป็นเรื่องของการ ต่อต้านการทำรัฐประหาร การยึดอำนาจ การใช้อำนาจนอกระบบ และ การฉีกรัฐธรรมนูญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สมควรเกิดขึ้นอีกในสังคมไทย การทำรัฐประหาร ยึดอำนาจ เป็นการใช้ความรุนแรงอย่างหนึ่ง แม้จะไม่มีคนเสียชีวิต แต่เราก็ ปฏิเสธไม่ได้ ในหลักการว่า เราทำผิดกฏหมาย เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ และในกรณีนี้ ก็ไม่ทำให้เราแตกต่างจาก คนที่เรากล่าวหา ว่า ได้อำนาจมาโดยมิชอบ ได้อำนาจมาโดยการซื้อเสียง

จุดยืนของพวกเขาเป็นเรื่องของความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาล และ ความชอบธรรมในการเลือกตัวแทนของพวกเขา การตัดสินใจของพวกเขาควรได้รับความเคารพ ควรได้รับความใส่ใจ ซึ่งไม่สมควรจะถูกล้มล้าง โดยบุคคล หรือ ชนชั้นกลางระดับหนึ่งในเมือง พวกเขาควรจะมี สิทธิเท่าเทียมกับผู้อื่นในการกำหนดทิศทางของประเทศชาติ รูปแบบการดำเนินชีวิต พวกเขาควรจะมีสิทธิ ที่จะเลือก สส. มาเป็นตัวแทนของเขา และเลือก สว. ของเขา มาทำหน้าที่แทนเขา เพื่อที่จะนำไปสู่ การสรรหา องค์กร อิสระที่มีที่มาอย่างโปร่งใส และ เป็นประชาธิปไตย และ ไม่ว่ารัฐบาลจะเข็มแข็งเช่นไร ก็ ยังต้องคืนอำนาจสู่ประชาชน ทุกๆ 4 ปี

จุดยืนของพวกเขาเป็นเรื่องของ ความยุติธรรม ในการบังคับใช้กฏหมาย เป็นเรื่องของการพัฒนากฏหมายให้เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ เช่นประเด็นการบังคับใช้กฏหมายย้อนหลัง ประเด็นการลงโทษผู้ที่ไม่ได้กระทำผิดและไม่ได้รู้เห็นเป็นใจร่วมไปกับผู้ที่กระทำผิดบางคน

จุดยืนในเรื่องของสิทธิในการแสดงออกโดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน

จุดยืนในเรื่องของพื้นที่สื่อ เพื่อให้มีโอAlign Leftกาสที่จะเลือก โดยไม่ถูกยัดเยียด

จุดยืนในการแสดงความจงรักภักดีโดยไม่ต้องกล่าวอ้าง และ ไม่ใช้ความจงรักภักดีเพื่อประหัตประหารกันทางการเมือง

หลักการในการพัฒนาการเมืองภาคประชาชน ของคนเสื้อแดง ไปไกลเกินกว่า ทักษิณ และ พัฒนาเกินกว่าการนำระบอบทักษิณกลับมา ถึงแม้เป็นข้อเรียกร้องที่ บริสุทธิ์ใจ ของคนเสื้อแดงบางกลุ่มก็ตาม ทั้งนี้ ในขณะที่ข้อเท็จจริงยังคงต้อง มีการพิสูจน์กันต่อไป ว่า ใครสร้างความรุนแรง ใครฆ่าคนตายที่นางเลิ้ง ใครเผามัสยิด สื่อมวลชน จะมีส่วนสำคัญ ในการช่วยคลี่คลาย สถานการณ์ ผ่อนหนักเป็นเบา สร้างความสมานฉันท์โดยการเปิดพื้นที่สื่อให้ทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน แสดงความเป็นมืออาชีพของสถาบันสื่อ

อย่าให้เงาของทักษิณ คอย ตามหลอกหลอนคุณตลอดไป

คนเสื้อแดง และ อุปสรรคที่ขวางกั้น

เมื่่่อ พันธมิตร อ้างความชอบธรรมในการต่อต้าน ทุนสามานย์ หรืออะไรก็ตามที่กล่าวหาว่า เป็น ระบอบทักษิณ แท้ที่จริงแล้ว ระบอบทักษิณ เป็นเพียงข้อกล่าวหาเลื่อนลอย โดยเฉพาะเจาะจงเพียงแค่ ทักษิณ ครอบครัว และ บริวาร แต่กลับเปิดโอกาศให้ ให้กลุ่มทุนอื่นๆย้ายข้าง พร้อมทั้งยังช่วย หาข้อแก้ตัว ให้ด้วยว่า กลับใจ

วันนี้ สิ่งที่เราสังเกตุได้ชัดเจน ว่า กลุ่มทุนสามานย์ ไม่ได้หายไปไหน และยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม เพียงแค่ย้ายข้างเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ ในโลกทุนนิยมเสรี ที่ กลุ่มทุนย่อมต้องหาทางรอดในสังคมให้แก่ตนเองได้เสมอ พฤติกรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลง ในเวลาที่ พันธมิตรกล่าวหาว่า เป็นทุนสามานย์นั้น กลับไปหนุน กลุ่มทุนอุบาทว์ หรือที่คนเสื้อแดง สรุปเรียกสั้นๆว่า อำมาตยาธิปไตย

ผู้เขียนต้องขออนุญาติชี้แจงก่อนเพื่อความเข้าใจ คำว่า อำมาตยาธิปไตย ของเสื้อแดง เป็นคำเปรียบเทียบ ซึ่ง แบ่งออกเป็นสองลักษณะ

อำมาตยาธิปไตย แบบทั่วไป คือ ข้าราชการ ราชนิกูล ประชาชนธรรมดา นักวิชาการ นักการเมือง ซึ่ง สนับสนุน ระบอบศักดินา และ สนับสนุนพระมหากษัตริย์ โดยใช้อำนาจหน้าที่ อย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมา ไม่ฝักไฝ่การเมือง และ ยังยอมรับ ในระบอบประชาธิปไตย เคารพและให้เกียรติ ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่

อำมาตยาธิปไตย แบบที่คนเสื้อแดงต่อต้าน คือ ข้าราชการ ราชนิกูล ประชาชนธรรมดา นักวิชาการ นักการเมือง ซึ่ง สนับสนุน ระบอบศักดินา และ สนับสนุนพระมหากษัตริย์ โดยใช้อำนาจหน้าที่ และ ศักดิ์ ที่ได้รับพระราชทาน โดยมิได้คำนึงถึงความเหมาะสม ในทางการเมือง แสดงตัวเลือกข้าง เชียร์ และ ฝักไฝ่ในนักการเมือง ซึ่งขัดกับ หลักในการดำรงตน และ ปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ได้รับพระราชทาน รวมไปถึง การอ้าง ศักดิ์ โดยการกระทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์ แก่พรรคการเมือง ข้าราชการที่ต้องเติบโต และ ธุรกิจ อีกทั้งยังถูกนำไปใช้ หรือ อ้างอิง ในการกระทำที่ขัดกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

ทุนอุบาทว์ หรือ อำมาตยาธิปไตย แบบที่คนเสื้อแดงต่อต้าน มีมาช้านานหลายชั่วคน และได้เงียบหายไปในช่วงที่ทักษิณเป็นรัฐบาล เราคงจะไม่ไปแยกแยะในรายละเอียด ในเวลานี้ ว่า อำมาตย์คนไหน เป็น มือเป็นเท้าให้กลุ่มทุนอุบาทว์ แต่สิ่งที่คนเสื้อแดงส่วนใหญ่รับทราบ และชัดเจน คือ มี อำมาตย์ผู้มีบารมี อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร ซึ่งอ้างอิงจาก การเปิดเผย บทสัมภาษณ์ ของ สุใส และ เทปบันทึก ของแป๊ะลิ้ม ที่ อเมริกา อีกทั้งยังมีภาพข่าว ออกทีวี เรื่องการวางตัว ฝักไฝ่ นักการเมือง โดยการ เชียร์ ในที่สาธารณะ ผ่านสื่อ

เมื่อทุนสามานย์ หรือ ระบอบทักษิณ ที่ถูกกล่าวหา ส่วนหนึ่งได้เปลี่ยนข้าง แต่ ไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ไปรวมกับ ทุนอุบาทว์ ซึ่งมีมาช้านาน และต้องการที่จะกลับสู่อำนาจ ย่อมต้องเป็นความชอบธรรม ของ คนเสื้อแดง ที่จะต้อง ต่อต้าน ผลักดันให้พวกเขาเหล่านั้น เปลี่ยนแปลง แก้ไข และทำประโยชน์ เพื่อประเทศชาติ และ ประชาชนอย่างแท้จริง

ความท้าทาย สำหรับคนเสื้อแดง และ การพัฒนาให้เป็นไปในรูปแบบ ของสถาบันเพื่อการพัฒนาการเมืองภาคประชาชน ย่อมต้องหนีไม่พ้น

สื่อ ซึ่งพึ่งพาแทบไม่ได้เลยในยุค อภิสิทธิ์ชน ยุคนี้

พรรคการเมืองโบราณ ซึ่งคอยทำหน้าที่ขัดแข้งขัดขา การพัฒนาการเมืองภาคประชาชน และคอยรับใช้ กลุ่มทุนอุบาทว์ อย่างชัดเจน

กลุ่มทุนสามานย์ ซึ่งปัจจุบัน แอบอิงภายใต้อำนาจของอำมาตยาธิปัตย์ ย่อมต้องไม่อยากเปลี่ยนข้างบ่อย และความกลัว ซึ่งจะมีผลกระทบ โดยตรง และโดยอ้อมต่อ ความมั่งคั่ง และ อำนาจในการต่อรองที่ได้รับ

กลุ่มทุนอุบาทว์ หรือ อำมาตยาธิปัตย์ ซึ่งใช้อำนาจหน้าที่ และ ศักดิ์ ที่ได้รับพระราชทาน โดยมิได้คำนึงถึงความเหมาะสม ในทางการเมือง แสดงตัวเลือกข้าง เชียร์ และ ฝักไฝ่ในนักการเมือง ซึ่งขัดกับ หลักในการดำรงตน และ ปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ได้รับพระราชทาน รวมไปถึง การอ้างศักดิ์ โดยการกระทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์ แก่พรรคการเมือง ข้าราชการที่ต้องเติบโต และ ธุรกิจ อีกทั้งยังถูกนำไปใช้ หรือ อ้างอิง ในการกระทำที่ขัดกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อำมาตยาธิปัตย์ นั้น พร้อมเพียงกว่า ด้วย อาวุธ อำนาจการทำลายล้าง อำนาจในการสังหาร และ ปราบปราม

คนเสื้อแดง และ แนวร่วม พึงตระหนักในอำนาจ และ บารมี ที่คนเหล่านี้มี แล้วพึงขยายแนวร่วม พร้อมสร้างสรรค์ สถาบันทางการเมืองภาคประชาชน ที่เข็มแข็ง เพื่อการพัฒนาการเมือง พัฒนาสังคม เศรษฐกิจ ความยุติธรรม เสรีภาพ และเพื่อ สิทธิ ของลูกหลานประชาชนชาวไทย ที่พึงได้รับอย่างเท่าเทียมกัน

อย่าปล่อยให้ความชั่วลอยนวล

แดงอีกครั้งทั้งประเทศ

ในขณะที่แนวร่วมคนเสื้อเหลืองบางกลุ่มกำลังขะมักเขม้น วางแผนการตั้งพรรคการเมืองพันธมิตร หวังจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แสดงธาตุแท้ ของคนกระหายอำนาจ ตอกย้ำผลประโยชน์ทับซ้อนของการเข้าสู่แนวร่วม คนเสื้อเหลืองที่เคยภาคภูมิใจเป็นหนักหนา เส้นใหญ่ใจสะอาด เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

"พ่อแม่พี่น้องครับ หากว่าวันหนึ่ง ผมเสียสัตย์รับตำแหน่งทางการเมือง เชิญเอาตีนมาไว้ที่หน้าผมได้เลย"

เป็นคำกล่าวของ สนธิลิ้ม ซึ่งครั้งหนึ่งใช้ในการแสดงความบริสุทธิ์ใจแก่ แนวร่วมทั้งหลายทั้งปวงไม่ให้ต้องกังวลใจ มาวันนี้จะตั้งพรรคการเมือง เพื่อแสวงหาหนทางเข้าสู่อำนาจรัฐ แค่คิดก็ผิดแล้วพี่น้องครับ

ไม่นานมานี้ แนวร่วมของคนเสื้อแดงหลายฝ่ายเริ่มพูดกันอย่างหนักแน่น เรื่องการลดบทบาททักษิณ ให้เป็นเพียงแนวร่วมเหมือนคนอื่นๆเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น นายจาตุรนต์ ฉายแสง และแกนนำอื่นๆ ทั้งยังมี แนวทางว่า

เสื้อแดงต้องเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ประเทศจะเป็นประชาธิปไตยได้ เสื้อทุกสีต้องสู้เพื่อประชาธิปไตย

การลดบทบาทของทักษิณ พร้อมกับการมีจุดยืน ที่จะให้ทักษิณกลับมาต่อสู้คดี เป็นแนวทางที่ทำให้มีพลังสนับสนุนจากหลากหลายมิติ มากขึ้น และจะต้องเปิดทางให้เสื้อสีอื่นๆเข้าร่วมได้ในแนวทาง ที่จะใช้ประชาธิปไตย และ ความยุติธรรม แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับแนวร่วมเหล่านั้น

แนวร่วมที่เกิดจากสหภาพแรงงาน จะต้องได้รับคำอธิบายให้ชัดเจนว่า การต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตย ร่วมกับคนเสื้อแดงที่มีต่อ อำมาตยาธิปไตย นั้น จะช่วยแก้ปัญหาการว่างงานของพวกเขาได้เช่นไร

แนวร่วมจากพี่น้องเกษตรกร แนวร่วมจากสมัชชาคนจน แนวร่วมจากเครือข่ายธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ก็ควรที่จะได้รับคำอธิบายให้ชัดเจน เช่นเดียวกัน การเปิดพื้นที่สื่อให้แนวร่วมต่างๆแสดง อัตภาพ ให้กว้างและลึก ก็จะเป็นการช่วยให้แนวร่วมเข็มแข็งขึ้น ให้เยาวชน และ ตัวแทนสาขาอาชีพ มี บทบาท ในการแสดงออกเพื่อที่จะหาแนวทางการต่อสู้ ซึ่งผสมผสาน จุดมุ่งหมาย ให้เดินหน้าต่อไปด้วยความสามัคคี

เส้นทางของคนเสื้อแดง ชัดเจนว่า ต้องเริ่มต้น บนพื้นฐานของการพัฒนาประชาธิปไตยที่กินได้ และ สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทย และต้องร่วมกันสร้างแนวทางที่จะช่วยให้สังคมไทย เดินหน้าต่อไปด้วยความสงบ สันติิิ