Monday, June 8, 2009

ปีกการเมืองของคนเสื้อแดง: พรรคเพื่อไทย ต้อง กล้า

ปีกการเมืองของคนเสื้อแดง: พรรคเพื่อไทย ต้อง กล้า

เวลาที่เราดูเกมส์ฟุตบอลคู่ที่เล่นเกมส์บุกหนักหน่วง เราจะเห็นทั้งปีกซ้าย ปีกขวา ต่างขยันส่งลูกจากขอบสนามเข้ามาให้กองหน้าทำประตู สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง แต่ถ้าทีมไหนที่มีตัวส่งที่แม่นเหมือนจับวาง โอกาศที่กองหน้าจะทำประตูได้ก็มีสูง ดีไม่ดี กองหลังฝ่ายตรงข้ามสกัดพลาดเข้าประตูตัวเองไปเสีย

พูดเปรียบเทียบ คนเสื้อแดงเหมือนทีมฟุตบอล จุดอ่อนคือปีกด้านการเมืองหรือ พรรคเพื่อไทย ไม่มีผู้นำที่ชัดเจน ทำให้เดินเกมส์ลำบาก การต่อลูกขึ้นไปริมเส้นเพื่อให้ ปีกส่งลูกมาให้กองหน้าภาคประชาชนทำประตู มีโอกาสเป็นไปได้น้อย ตรงนี้ ต้องขอนำเสนอ หนทาง ให้ทางพรรคเพื่อไทยนำไปลองพิจารณา

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จำเป็นจะต้องเป็นผู้ที่มากด้วยบารมี หรือไม่ – คำตอบคือ จริงๆแล้ว ไม่ต้องมีบารมีก็เป็นได้

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จำเป็นจะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองมายาวนาน หรือไม่ – คำตอบคือ จริงๆแล้วไม่ต้องมีประสบการณ์มากก็เป็นได้

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จำเป็นจะต้องเป็นสัญลักษณ์ หรือ ตัวแทนของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ หรือไม่ – คำตอบคือ ไม่จำเป็น

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ควรจะเป็นคนอย่างไร คำตอบง่ายๆ ที่จะออกจากปากผมทันทีคือ ต้องเป็นคนที่ได้รับการยอมรับ จากประชาชน ถ้าถามว่า เราจะหาคนแบบนั้นได้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ คำตอบที่ผมอยากจะนำเสนอมีดังต่อไปนี้

วันนี้เป็นโอกาสที่ดี ที่ พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนวิกฤต ให้เป็นโอกาส ซึ่งจะเป็นโอกาสที่พรรคการเมืองอื่นๆ จะไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็ คงจะให้ คุณ อภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าไปอีกซักระยะ เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ที่ก็คงจะให้ คุณ ชวรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป ดังนั้น พรรคเพื่อไทย ควรจะใช้โอกาสนี้ จัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค เพื่อไทยขึ้นมาเสียเลย

การเลือกตั้งครั้งนี้ จะต้องเป็นไปในรูปแบบของการเลือกตั้ง ที่เปิดโอกาส ให้สมาชิกพรรคทุกคน ตั้งแต่ชาวนา ไปจนถึงนายทุน ให้มีโอกาสโหวตเลือกตั้งหัวหน้าพรรคในครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยอาจจะต้องเลื่อนการลงมติเลือกหัวหน้าพรรคออกไป แล้วเปิดรับสมัคร ผู้ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค จากนั้นจึงให้โอกาสผู้สมัครไปหาเสียง ตามพื้นที่ต่างๆพร้อมๆกัน เหมือนเป็นการ debate ภายในพรรค ตามหัวข้อที่ กรรมการบริหารพรรคกำหนด เช่นเรื่องการทำงานร่วมกัน การผลักดันนโยบายรัฐ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ภายในเวลา 30 วัน จากนั้นจึงเปิดให้มีการเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งที่เป็น และ ไม่ได้เป็นสมาชิก พรรคเพื่อไทย แต่จะต้องมีผู้ใช้สิทธิ ในการเลือกหัวหน้าพรรคไม่ต่ำกว่า 1 หรือ 2 ล้านคนขึ้นไป

จากนั้นให้ สมาชิกสภาผู้แทนฯ สังกัดพรรคเพื่อไทย โหวต ในวันเดียวกันกับที่มีการโหวตโดยประชาชนทั่วไป แล้วนำผลจากการเลือกตั้งมาคิดเป็น 90% ของคะแนนทั้งหมด และอีก 10% มาจากคะแนนที่เลือกโดย สส. ของพรรค ซึ่งในอนาคต การที่พรรคการเมืองจะกลายมาเป็นสถาบันได้ อาจจะต้องแก้ไขกฏของพรรคหลายข้อ เช่นเรื่องของระยะเวลาการดำรงค์ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเป็นต้น



ประโยชน์ที่จะได้ คือ สมาชิกพรรค หรือ ประชาชน จะได้รู้จักใกล้ชิดกับ ว่าที่ หัวหน้าพรรคมากขึ้น

ประโยชน์ที่ได้คือ หัวหน้าพรรคก็จะมาจาก การเลือกตั้งโดยตรงจากสมาชิกพรรค และ ประชาชนที่สนใจ

ประโยชน์ที่ได้คือ พรรคเพื่อไทยจะได้หัวหน้าพรรค ที่เป็นที่ยอมรับ อย่างน้อยก็เป็นที่ยอมรับ จากสมาชิกพรรค และประชาชนที่สนใจ

ทั้งนี้การเลือก ตั้งหัวหน้าพรรคโดยประชาชน จะเป็น ก้าวเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ ในการพัฒนาสถาบันทางการเมือง การเตรียมตัวเป็นนักการเมืองอาชีพ และเป้นพรรคการเมืองที่ ฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง

No comments:

Post a Comment