นายกมาร์ค ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เศรษฐกิจไตรมาสแรก ที่ สภาพัฒฯ กำลังจะประกาศในวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา น่าจะติดลบมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์[1] ซึ่งเกิดขึ้นใน ไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว นั่นหมายถึง การหดตัวทางเศรษฐกิจ ในระดับที่มีนัยสำคัญ ทั้งนี้ พี่มาร์ค ยังกล่าวต่อว่า รัฐบาลได้พยายาม พยุงกำลังซื้อของประชาชน เริ่มตั้งแต่ปลายเดือน มีนาคม โดยหวังว่าจะเห็นผล ในไตรมาสที่สองของปีนี้ สุดท้าย สภาพัฒฯ ประกาศ GDP ติดลบกว่า 7 เปอร์เซนต์
ประเด็นที่สอง นายกรัฐมนตรี ควรถูกตำหนิ ในเรื่องของการปฏิบัติตนสองมาตรฐาน เนื่องจากหลักฐานทางวิชาการ และ บทวิเคราะห์ จากธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ระบุถึงความเสียหาย ในหลัก แสนล้าน ที่เกิดขึ้นจากความสนับสนุนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคเดียวกับนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ใน คณะรัฐมนตรีของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ได้ไปร่วมปิดสนามบินนานาชาติในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ระบุชัดเจนว่า การปิดสนามบินของพันธมิตร จะมีผลกระทบต่อ เศรษฐกิจในปี 2552 อย่างน้อย 3 เปอร์เซ็นต์[2] เมื่อเป็นเช่นนี้ นายกรัฐมนตรี ควรถูกตำหนิในเรื่องของการปฏิบัติตนสองมาตรฐาน คือ ไม่ชี้แจงว่า เหตุการณ์ปิดสนามบินมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไตรมาสแรกอย่างน้อย 3 เปอร์เซ็นต์ แต่ เลือกชี้แจงว่า การสลายการชุมนุมในเดือน เมษายน จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในไตรมาสหน้า
ประเด็นที่สาม เป็นเรื่องของการเล่นการเมืองน้ำเน่า ของ นายกรัฐมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้ มีจุดยืนชัดเจนมาตลอด ว่า จะไม่แก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง แต่วันนี้ นายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนแล้วว่า สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ ยกเลิก บทลงโทษ ยุบพรรค[3] ทั้งๆที่ พรรคประชาธิปัตย์เองเคย มี มติพรรค ออกมาแล้วว่า ไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถึงแม้ว่า ผู้เขียนเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ ท่านนายกรัฐมนตรีได้แสดงจุดยืนไว้ แต่ก็ต้องขอตำหนิ ในท่าทีก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ได้แสดงความจริงใจ ได้ดีไปกว่า การชิงธงนำในการแก้ รัฐธรรมนูญ และ การยืดอายุของรัฐบาลประชาธิปัตย์
สามประเด็นคร่าวๆก็มีน้ำหนักและเพียงพอ ที่ประชาชนจะไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดที่มี นายก อภิสิทธิ์ บริหารงาน ทั้งนี้ ผู้เขียนยังไม่ได้กล่าวถึงการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผิดพลาดของรัฐบาล แล้วมาลงเอยด้วยการรีดภาษีขูดเลือดจากประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาษีน้ำมัน ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคการขนส่ง และ ภาคการผลิต รวมไปถึง การวางแผนกู้เงินล่วงหน้า โดยไม่มีคำชี้แจงอย่างระเอียดให้แก่ประชาชนได้ทราบโดยทั่วไป
ทั้งนี้ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนโดยทั่วไป จะต้องจับตาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้ พร้อมทั้งยังต้องช่วยกันเร่งรัด ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว และให้รัฐบาลทำการยุบสภาเพื่อเปิดโอกาส ให้รัฐบาลแสดงความ บริสุทธิ์ใจลงเลือกตั้งใหม่ แล้วจึงค่อยกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลตามเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ของประชาชน
อ้างอิง
[1] "อภิสิทธิ์"คาดตัวเลขจีดีพี สศช. เชื่อไตรมาส1จะชะลอแรงต่ำกว่า5% ยาหอมแม้เกิดสงกรานต์เดือด เชื่อมั่นไตรมาส2จะไม่ต่ำกว่า กำลังผลิตเพิ่มแล้ว60%http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20090523/44821/นายกฯคาดจีดีพีไตรมาส1ชะลอแรงต่ำกว่า5.html
[2] ผลกระทบจากการปิดสนามบิน เสียหาย 2.9 แสนล้านบาท โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย http://www.bot.or.th/Thai/EconomicCondi ... 102552.pdf
[3] การเปิดใจของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าเห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญhttp://www.thairath.co.th/content/pol/7750
No comments:
Post a Comment