Monday, June 22, 2009

กู้เงินเป็น แต่ กู้เศรษฐกิจไม่เป็น: ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม

กู้เงินเป็น แต่ กู้เศรษฐกิจไม่เป็น: ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม

หลังจากที่พี่ มาร์ค แจกเงิน เป็นเช็คช่วยชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกับเงินอัดฉีดกองทุนหมู่บ้าน และ โครงการเรียนฟรี อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายชัดเจนว่าต้องการจะกระตุ้นเศรษฐกิจ และ พยุงกำลังซื้อของภาคประชาชน แต่ดันออกนโยบายขัดขาตัวเองด้วยการขึ้นภาษี สรรพสามิตน้ำมัน เป็นการลดกำลังซื้อของประชาชน และ ขัดขวางการกระตุ้นเศรษฐกิจของตัวเอง

วันนี้ วุฒิสภาฯ ลงมติไม่เห็นชอบ ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2552 ดังนั้น พี่ มาร์ค กับ เสี่ยกรณ์ จึงต้องอดขึ้น ภาษีน้ำมันอีกระลอก วันนี้ วุฒิสภาฯ ทั้ง 58 คนที่ลงมติไม่เห็นชอบจึง แสดงบทพระเอกได้โดนใจประชาชนจริงๆ


วันนี้ คำกล่าวหาที่คนเสื้อแดง บ่นให้ฟังว่ารัฐบาลนี้ กู้เก่ง แต่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่เป็น จึงเริ่มแสดงออกมาให้ประชาชนได้เห็นว่า เด็กสองคนกำลังเล่นขายของอยู่ หรือ อย่างไร

เรื่องอัตราการว่างงาน ก็ เช่นกัน รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนใดๆออกมา ว่าจะสร้างงานอย่างไร จะช่วยคนตกงานอย่างไร

เรื่องการท่องเที่ยว และ การส่งออก ก็ ยังไม่เห็น มีผลการศึกษาใดๆ ออกมาว่าจะช่วยเหลืออย่างไร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร และ จะแก้ปัญหา ระยะกลางและระยะยาวอย่างไร อันนี้ ก็ ไม่ชัดเจน

เรื่องการลด หรือ การยืดเวลา ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นน้อย เช่นการซื้อเครื่องบินรบ กริพเพ่น ที่ไม่รู้จะเอาไปรบกับใคร และ การซื้อรถถังหุ้มเกราะ เอามาเฝ้าม๊อบ ก็ยังไม่มีใครฟันธงว่า จะชะลอ ออกไปหรือไม่

การทำผิดวินัยการคลัง เช่นเรื่องการกู้เงิน แล้วนำไปใช้จ่ายในรายจ่ายประจำเกิดขึ้นแล้ว โดยการผ่าน พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาท แรก ทั้งๆที่วินัยการคลังเป็นสิ่งที่ พี่มาร์ค และ พรรคพวก คอยด่าคนอื่นเรื่องวินัยทางด้านการเงินการคลัง มาโดยตลอด หรือว่า ลืมไปแล้ว ว่า เงินกู้ ควรจะเอาไปลงทุน ไม่ควรเอาไปใช้จ่ายใน ร่ายจ่ายประจำ

สิ่งที่ชัดเจนในวันนี้ คือ คนไทยทุกคน ทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง ฝ่ายค้าน ฝ่ายรับบาล ต่างก็หวังเป็นฮย่างยิ่งว่า เศรษฐกิจ และระดับ การเจริญเติบโตของ GDP จะกลับมาอยู่ในแดนบวก ซึ่ง จะช่วยให้ รัฐบาลไม่ต้องไปกู้เพิ่มอีกในปี 2553 เนื่องจาก นโยบายการกระตุ้น เศรษฐกิจ ระยะที่สองของรัฐบาลนั้นได้ถูกคาดการณ์ โดย ธนาคารแห่งประเทศไทยเอาไว้แล้วว่า ในปี 2553 จะทำให้เกิดงบประมาณขาดดุลอยู่ ที่ 6% ของ GDP ซึ่งมาตรฐานปกติ ไม่ควรอยู่เกินร้อยละ 2 หรือ 2% ของ GDP

ทั้งนี้ เราไม่เคยดูถูก หรือ มองข้าม ศักยะภาพในการกู้เงิน ของ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเรามั่นใจว่ากู้เก่ง มีเครดิตดี แต่สิ่งที่เราสงสัยคือ จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เป็น หรือจะ ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาอยู่ในแดนบวก ได้หรือไม่

วันนี้ ถ้าไม่มีการรัฐประหาร การยึดสนามบินเมื่อ สองปี หรือ ปีที่แล้ว ประเทศไทยคงจะเป็นประเทศผู้ให้กู้ แทนที่จะเป็นประเทศผู้กู้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อ้างอิง
1. วินัยการคลัง โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย
http://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/DocLib_/article17_06_09.pdf

2. Are Hopes on Fiscal Stimulus too high? โดยธนาคารแห่งประเทศไทย
http://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/DocLib_/article16_06_09.pdf

No comments:

Post a Comment